[Overview] [Diablo III] Season 22 - Shades of the Nephalem

 

     สวัสดีครับ Crucifer กลับมาอีกครั้ง! ขอบคุณที่ยังติดตามทั้งทางเพจ บล็อก และช่องทางใหม่อย่าง YouTube กันเสมอครับ ในอนาคตอาจจะมีช่องทางใหม่ให้ทุกท่านติดตาม อย่าลืมด้วยนะครับ แน่นอนว่าพยายามไม่ให้เลทเหมือนเดิม (เอาน่า ยังอยู่ในวันแรกของการเปิดซีซั่น ยังไม่ถือว่าเลท! เค้าเรียกว่า On Time! lol) พูดมาก็เยอะแล้ว กลับเข้าสู่เรื่องที่เราจะดูกันเลยดีกว่า

     ขอเข้าสู่เนื้อหาของบทความสรุปนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่อื่นใดนอกจาก Diablo III Season 22 - Shades of the Nephalem Overview ที่จะสรุปคอนเทนต์ของซีซั่นใหม่และแพทช์ 2.6.10 นี้ด้วยกัน มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง อย่าพูดพร่ำทำเพลง มาดูกันเลยดีกว่า!

     ก่อนอื่น ขอเปิดด้วยเรื่องที่อยากตะโกนออกมาแรง ๆ เลยดีกว่า แพทช์ 2.6.10 เป็นแพทช์ที่เกือบจะได้ชมว่าดี เพราะการปรับเปลี่ยนความสามารถไอเทมในแพทช์นี้ทำเอาบิวด์ที่ได้รับความรักจากในอดีตกลับขึ้นมาใช้งานได้อีกครั้งอย่าง Thornsader และบิวด์อื่นก็กลับมาด้วยการปรับเพิ่มสเกลพลังขึ้นมาสูงพอสมควร (แม้อาจจะไม่ดีเลิศประเสริฐศรี แต่ก็ถือว่ากลับมาใช้งานได้จริง

     ตรงกันข้ามกลับมีบิวด์จำนวนไม่น้อยเลยที่กลายเป็นหมันเพราะการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ อย่างเช่นการปรับ Etched Sigil ที่ทำให้ความหลากหลายของบิวด์ Wizard ที่เน้น Channeling Skills จับคู่กับสกิลอื่นต้องมาเป็นหมันเพราะทีมพัฒนาอยากดัน Twister กลายเป็นอะไรที่น่าปวดใจไม่น้อยอยู่เหมือนกัน (โดยเฉพาะในฐานะคนเล่น Wizard) เพราะแม้จะดึง Twister ให้กลับมาในกระแสได้ แต่แลกด้วยความหลากหลายที่ Etched Sigil เสียไปก็น่าเศร้าเหมือนกัน ถ้าให้พูดตรง ๆ การปรับไอเทมแพทช์นี้ดี แต่ก็ยิ้มไม่ออกเพราะบางบิวด์ไม่ใช่แค่ปรับลด แต่ถึงขั้นใช้ไม่ได้อีกเลย

     ยังมีบิวด์ที่แจ้งเกิดและได้อัพเกรดขึ้นมาอีกไม่ว่าจะทั้ง Tempest Rush Patterns of Justice หรือ Frost Hydras Typhon's Veil ที่พอมีไอเทมใหม่นอกจากอัพเกรดความแรงอย่าง Winter Flurry กับ Fragment of Destiny แล้ว ยังมีเกมเพลย์ที่เปลี่ยนไปให้มีลูกเล่นเพิ่มเติม

     แต่ถ้าถามบิวด์ไหนลูกรักมากที่สุดในแพทช์นี้คงหนีไม่พ้น Masquerade of the Burning Carnival ที่กลายเป็นบิวด์ที่ดีที่สุดของแพทช์นี้ไปโดยปริยายด้วยการเพิ่มไอเทมใหม่เสริมพลังอย่าง Gelmindor's Marrow Guards จน Bone Spear + Simulacrums แรงจนฉุดไม่อยู่จริง ๆ


     Season 22 - Shades of the Nephalem เป็นซีซั่นที่แปลก เพราะมีการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลายทั้งบิวด์ที่ปรับเปลี่ยนกันโดยตรงกับคอนเทนต์ใหม่ของซีซั่นนี้อย่าง Kanai's Universal Power ที่คาดว่าจะเป็น Seasons Exclusive Content ต่อไปในอนาคต (หรืออย่างน้อยก็มาบางซีซั่นที่มีการระบุ) หรือธีมประจำซีซั่นนี้อย่าง Shadow Clone ที่มีผลกระทบกับเกมเพลย์แบบทางอ้อม (อย่างรุนแรง) เอาละ มาว่ากันทีละเรื่อง


     ขอแนะนำ Kanai's 4th Power หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Kanai's Universal Power ก่อนก็แล้วกัน (ชื่อนี้จริง ๆ ไม่เชื่อลองเอา Cursor ไปชี้ที่ช่องที่ 4 ก่อนเลือกพลังสิ) ซึ่งนี่เป็นการเพิ่มความสามารถและการปรับแต่งบิวด์โดยตรง และทำให้บิวด์มีทางเลือกและการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ ทำให้สเกลพลังของผู้เล่นไปไกลแบบก้าวกระโดดไปมาก หากได้มาลองใน PTR เท่าที่เล่น มันทำให้การลง Greater Rifts ในระดับทั่วไปที่คนแตะต้องได้อย่างระดับ 75 สามารถขึ้นไปแตะระดับ 95+ ได้เลย ทำให้ Kanai's Universal Power ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่คอนเทนต์ธีมหลักของซีซั่นกลับถูกถามถึงมากกว่าซะอีก

     อีกเรื่องที่น่าจับตามองคือในหน้า Patch Note ของซีซั่นนี้ Kanai's Universal Power ได้อธิบายไว้ว่า ถูกเพิ่มมาในแพทช์นี้ แต่ไม่ได้เขียนว่าจะถูกเพิ่มมาถาวรเป็น Season Exclusive Content ตลอดไปเลยหรือไม่ คงต้องรอดูผลลัพท์แบบเต็ม ๆ หลังจากจบซีวั่นนี้ว่ามีผลกระทบเท่าไหร่


     ถึงจะไม่ได้โดนถามเยอะเหมือนกับ Kanai's Universal Power แต่ธีมซีซั่นนี้มันส่งผลกับการเล่นแบบสุด ๆ ไปเลย เพราะซีซั่นนี้ เมื่อเราใช้งาน Shrines หรือ Pylons แล้ว จะเรียก Shadow Clones ออกมา มาทำความเข้าใจรายละเอียดคร่าว ๆ กันก่อน

  • เมื่อใช้งาน Shrine หรือ Pylon จะกำเนิด Shadow Clone 1 ตน
  • Shadow Clone จะเกิดตามจำนวนและคลาสของผู้เล่นที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน
  • Shadow Clone จะสุ่ม Skills Set เซ็ตใดเซ็ตหนึ่ง แต่ละคลาสจะมี 3 เซ็ตด้วยกัน
  • Shadow Clone จะอยู่กับผู้เล่นเป็นระยะเวลา 1 นาที หรือจนกว่าผู้เล่นจะตายไปก่อน
  • Shadow Clone is absolutely "Overpower

     ข้อสุดท้ายนั่นเห็นใช่ไหม นั่นแหละที่ทำให้มันมีผลกระทบทางอ้อม (แบบสุดโต่งไปเลย) เพราะ Shadow Clone โจมตีได้แรงมาก! แรงจนผู้เล่นอาจจะต้องอายเลยด้วยซ้ำ ยิ่งโดยเฉพาะใน Greater Rifts ทำให้ Pylons (ที่ปกติผู้เล่นก็กดใช้งานอยู่แล้ว แต่อาจจะเลือกกดสักหน่อย) เนื้อหอมขึ้นมาทันตาทุกครั้งที่มี Champions, Elites หรือแม้กระทั่งเวลา Rift Guardian เกิดใกล้ ๆ เรื่องนี้ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองครับ แล้วจะรู้ว่า ความ Overpower ที่ยิ่งกว่าซีซั่นที่แล้วมีจริง (ใน PTR นี่ ขึ้นถึง 150 คือเรื่องปกติมาก)

     และแน่นอน มาเล่น Season 22 ทั้งที ต้องมีรางวัลตามมาอยู่แล้ว ไม่พูดเลยก็ไม่ใช่ซีซั่นของ Diablo III แล้ว มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

     เปิดมาด้วย Haedrig's Gifts ก่อนเลย ซึ่งเซ็ตที่จะมาให้ในซีซั่นนี้คือ All-New 2019-2020 Set Items ครับ ใช่แล้วมันคือเซ็ตใหม่ล่าสุดสำหรับทุกคลาสเลย! ซึ่งบอกเลยว่าน่าเล่นทุกคลาส มีการปรับไอเทมสนับสนุนบิวด์ให้ดีขึ้น ยกเว้นอยู่เซ็ตเดียวคือ Horde of the Ninety Savages ซึ่งต้องแก้กันที่ระดับสกิลเลยทีเดียวถึงจะน่าใช้ขึ้นมา

  • Conqueror's Shako & Conqueror's Pauldrons Transmog
  • Soulstone Portrait Set กรอบธีม Black Soulstone จาก Season 10
  • Loremaster Pennant ธงรบจาก Season 10

     มาต่อกันที่รางวัลเก่ากลับมาเล่าใหม่ที่ใครยังไม่มีอยากให้มาโดนมาก เพราะมันคือ Loremaster Pennant ซึ่งเป็นหนึ่งใน Pennant ที่สวยและเข้ากับธีมเกมนี้ที่สุดในเกมแล้ว ที่เหลือก็จะเป็น Soulstone Portrait Set กับ Conqueror's Shako และ Conqueror's Pauldrons ซึ่งตัว Portrait Set ไม่สะดุดตาเท่าไหร่และ Conqueror's Transmog ได้ประจำอยู่แล้ว

     สุดท้ายมากับรางวัล Season Journey - Guardian ที่หลายคนรอคอย ซึ่งอยู่ในระดับโอเคทั้งคู่ (คิดว่านะ แม้จะมีอะไรแอบแปลก ๆ กับทั้ง Portrait และ Pet ก็เถอะ)

  • Lost Civilization Portrait
  • Book of Cain Pet

     Lost Civilization Portrait โดยรวมแล้วก็ว่าสวยอยู่ (แม้ด้านล่างจะดูแปลก ๆ สักหน่อยเพราะมีตัวอะไรซุ่มอยู่ก็เหอะ) แต่แปลกกว่านี้ไม่มีอีกแล้วคือ Book of Cain Pet สัตว์เลี้ยงที่แสนประหลาด เป็นหนังสือแท้ ๆ แต่ไหงงอกแขนขามีหนวดแถมถือไม้เท้าหามคัมภีร์ยังกับเป็นลุงเคนซะเองด้วย! ซึ่งเอาจริง ๆ มันเป็น Easter Egg ล้อเลียน Book of Cain ของจริง เพราะ Book of Cain แม้จะเป็น Source Book ของเกมนี้ แต่มีปรากฏในเกมในฐานะหนังสือที่ใช่ Identification ที่พวกเราใช้กันประจำอยู่แล้ว (วึ่งตามเนื้อเรื่องมันเป็นหนังสือของลุง Deckard Cain จริง ก่อนที่ลุงจะตายแล้ว Leah รับช่วงต่อหนังสือใน Tyrael's Sacrifice Cinematic ของ Diablo III) ซึ่งอันนั้นจะอ้างอิง Hardcover Version (ปกแข็ง) ในขณะที่ Book of Cain Pet จะอ้างอิง Paperback Version (ปกอ่อน) นั่นเอง 

     แต่ที่ฮาที่สุดคือ เหมือนทีมพัฒนาจะแซะเองว่าในอนาคตอาจจะมีอีกหลายเวอร์ชั่น ไม่เชื่อก็ลองไปดูคำอธิบายของ Book of Cain Pet เองดูสิ

     ขนาดนี้แล้วไม่พูดถึง Conquests ก็คงไม่ได้ เพราะทุกคนที่เล่นซีซั่นแล้วจะทำ Season Journey สนแน่นอนว่าอันไหนน่าทำ มาว่ากันเลยดีกว่าว่าทำอะไหนดี

  • Sprinter (Normal) / Speed Racer (Hardcore)
    • จบ Campaign ทั้งหมดของ Diablo III (รวมถึง Reaper of Souls) ณ เลเวลสูงสุด ภายในเวลา 1 ชั่วโมง
  • On A Good Day (Normal) / I Can't Stop (Hardcore)
    • อัพเกรด Legendary Gems ให้ถึงระดับ 65 เป็นจำนวน 3 เม็ด
  • Boss Mode (Normal) / Worlds Apart (Hardcore)
    • กำจัดบอสที่กำหนดขณะเลเวลสูงสุดบนระดับความยาก Torment X (หรือสูงกว่า) ในเวลา 20 นาทีนับตั้งแต่เริ่มเกมรอบนั้น
  • Years of Wars (Normal) / Dynasty (Hardcore)
    • พิชิต Greater Rift ระดับ 55 เดี่ยว ด้วยความสามารถของเซ็ตที่กำหนดแบบโบนัสเต็มสมรรถนะ 6 เซ็ต 
  • Masters of the Universe (Normal) / Masters of Sets (Hardcore)
    • พิชิต Set Dungeons ระดับเชี่ยวชาญ 8 แห่ง

     ซีซั่นนี้บอกเลย ใครอยากทำอะไรสบาย ต้องปั้นตัวละคร 2 ตัวสถานเดียว เพราะแม้ Achievements และ Conquests จะสามารถนับรวมเซ็ตใหม่ได้แล้ว แต่เซ็ตประจำคลาสทั้งหมดของแต่ละคลาสก็ยังมีแค่ 5 เซ็ตอยู่ดี ไม่เพียงพอสำหรับ Conquest ที่ 3 หากจะจบ Guardian ให้ได้ เพราะฉะนั้นเตรียมปั้นคลาสที่ 2 แต่เนิ่น ๆ ได้เลย (อันที่จริงปั้นคลาสเดียวก็ได้นะ หากคุณทำ Sprinter & Speed Racer ได้)

     กล่าวโดยรวม ซีซั่นนี้ค่อนข้างน่าสนใจพอสมควร ทั้งการปรับไอเทม (ที่แม้จะมีผิดหวังบ้างพอสมควร) โดยรวมแล้วจัดว่าอยู่ในขั้นที่ดี มีทางเลือกเล่นขึ้น ฟื้นบิวด์เก่ากลับมา แล้วยังมีธีมซีซั่นและคอนเทนต์ที่น่าสนใจทั้ง Kanai's Universal Power ที่ต้องรอดูผลกระทบในอนาคตกับ Shadow Clone ที่เป็นธีมซีซั่นนี้ การปรับของทีมพัฒนาครั้งนี้ทำให้รู้ว่าการแตะ Greater Rift 150 สำหรับคนธรรมดามีความเป็นไปได้ หวังว่านั่นจะกลายเป็นเชื้อไฟให้คนแตะไปถึงระดับสูงสุด (โดยไม่อาศัย Exploit หรือ RNG) กันจริง ๆ เสียที

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม