[Overview] [Diablo III] Season 23 - The Disciples of Sanctuary


    ในที่สุดหลังจากที่ Diablo III ห่างหายไปจากการอัพเดตใหญ่มานานร่วมหลายปี เวลาที่เกมนี้จะมีอัพเดตแพทช์ใหญ่ได้มาถึงซะที นั่นก็คือแพทช์ 2.7.0 หรือ Season 23 "The Disciples of Sanctuary" นั่นเอง 

    Crucifer เองครับ กลับมาเขียน Overview สรุปแพทช์ให้กับทุกคนเช่นเคย นี่ถือว่าเป็นแพทช์ใหญ่สำหรับ Diablo III ที่หลายคนรอคอยหลังจากที่ทุกคนอยู่กับแพทช์ 2.6.0+ มาร่วม 3 ปี ในครั้งนี้มีทั้งตารางจัดอันดับที่ถูกเพิ่มมาใหม่ ไอเทมที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และระบบผู้ติดตามที่ยกเครื่องใหม่ให้มีประโยชน์มากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงในเกมจะเป็นเช่นไร เรามาดูกันเลย


    ก่อนอื่นเลยเราขอเขียนถึงไอเทมก่อน ในช่วง 4 ซีซั่นที่ผ่านมาเป็นการพยายามเพิ่มความหลากหลายของเซ็ตไอเทมให้เลือกใช้งาน ทำให้ทุกคลาสมีเซ็ตไอเทมใหม่เป็นของตัวเอง ทว่าในความเป็นจริงยังมีไอเทมและเซ็ตที่ถูกลืมอยู่จำนวนมาก การที่เริ่มแพทช์ใหญ่ด้วยการ "Rework" (เปลี่ยนการใช้งานใหม่) จึงคาดเดาได้ว่าทีมพัฒนาอยากปรับแต่งสิ่งที่มีอยู่ให้ใช้งานจริงได้มากกว่าและอาจคาดเดาได้ว่าจะมีการขุดไอเทมและเซ็ตที่ถูกลืมมาเปลี่ยนการใช้งานใหม่อีกในอนาคต

    เซ็ตไอเทมที่ถูกเปลี่ยนการใช้งานใหม่ในแพทช์นี้มีทั้งสิ้น 2 เซ็ตด้วยกัน คือ Firebird's Finery และ Bones of Rathma


[Firebird's Finery] 
  • (2) ชิ้น
    • Disintegrate จะจุดชนวนเผาไหม้ศัตรู สร้างความเสียหาย 3,000% ของพลังโจมตีอาวุธต่อวินาทีจนกระทั่งศัตรูตาย
    • หากคุณตาย ดาวตกจะลงมาจากฟากฟ้าและชุบชีวิตคุณ ความสามารถนี้จะมีระยะเวลาใช้ใหม่ใน 60 วินาที
  • (4) ชิ้น 
    • การร่าย Disintegrate จะเพิ่มบัฟ Combustion ซึ่งสามารถลดระยะเวลาใช้ใหม่ของ Teleport 2% ต่อขั้น สะสมได้สูงสุดถึง 50 ขั้น
    • ได้รับบัฟลดความเสียหายที่เข้ามา 80% ระหว่างที่ยังมีบัฟของ Combustion 
  • (6) ชิ้น 
    • เพิ่มพลังโจมตี 5,000% ระหว่างที่ศัตรูยังคงถูกเผาไหม้
    • โจมตีศัตรูที่ถูกเผาไหม้อยู่ด้วยเวทมนตร์ธาตุไฟที่ไม่สามารถร่ายต่อเนื่องได้ จะทวีคูณความเสียหายจากการเผาไหม้ตามบัฟ Combustion ที่สะสม





    เรียกว่าเป็นพระเอกของแพทช์นี้จริง ๆ ด้วยความง่ายในการใช้งานประกอบกับพลังโจมตีที่สูงเว่อร์ (จนยากจะปรับบาลานซ์) ทำให้ Firebird's Finery ขึ้นมาอยู่ใน Top Tier Set กันอย่างง่ายดายจนแอบคิดว่าแพทช์หน้าจะมีการปรับบาลานซ์จริงจังกันอีกรึเปล่า


[Bones of Rathma] 
  • (2) ชิ้น 
    • Skeletal Warriors สามารถเกิดใหม่ได้เร็วขึ้น และสมุนที่เกิดจากการชุบด้วยทักษะ Revive จะไม่มีวันสลาย (ระยะเวลาคงอยู่ถาวร) 
    • เมื่อสมุนแบบถาวรสร้างความเสียหายให้ศัตรูได้ ลดระยะเวลาใช้ใหม่ของ Army of the Dead 0.50 วินาทีต่อครั้ง
  • (4) ชิ้น 
    • เมื่อสมุนสร้างความเสียหายให้ศัตรูได้ คุณจะได้รับบัฟลดความเสียหายที่เข้ามา 1% ต่อครั้ง เป็นเวลา 15 วินาที สะสมได้สูงสุดถึง 75 ขั้น 
    • สมุนของคุณจะเป็นอมตะ ไม่รับความเสียหายอีกต่อไป
  • (6) ชิ้น 
    • สมุนแบบถาวรที่ยังคงทำงานอยู่จะเพิ่มพลังโจมตีให้ทักษะ Army of the Dead 500% ต่อตัว เพิ่มสูงสุดได้ถึง 9,000% 





    อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกเซ็ตที่จะไปถึงฝั่งฝัน ถ้าเรียก Firebird's Finery เป็นพระเอก Bones of Rathma ก็เป็นได้แค่พระรองเท่านั้น เพราะถึงจะเปลี่ยนใหม่ให้การใช้งานควบคู่กับสกิลและความสามารถของเซ็ตที่ถูกลืมอย่าง Army of the Dead แต่เวลาเล่นจริงกลับใช้งานได้ยากเกินไป รวมถึงพลังโจมตีภาพรวมที่ไม่เท่าอัตราการปล่อย Bone Spear ของ Masquerade of the Burning Carnival เซ็ตนี้จึงกลายเป็นหมันไปนั่นเอง (ถึงแม้ว่าความสามารถของเซ็ตตอนนี้จะตรงกับความแฟนตาซีของเซ็ตก็เถอะ) 

    ส่วนที่เหลือของไอเทมจะจัดว่าเป็นการปรัับสมดุลเล็กน้อย
  • (6) Gears of Dreadlands - Primary Skills เพิ่มพลังโจมตีจาก 10,000% เป็น 15,000% แต่ The Ninth Cirri Satchel ปรับลดจำนวนครั้งในการชิ่งทะลุของ Hungering Arrow ลงเหลือ 4 ครั้ง 
    Hungering Arrow โดนปรับสมดุลในขณะที่ Primary Skills อื่น ๆ ได้รับผลของเซ็ตโดยตรงเลยมีพลังโจมตีเพิ่มขึ้น 
  • ส่วน Gazing Demise เรียบเรียงคำอธิบายใหม่ (?) 
  • Blackthrone's Jousting Mail เปลี่ยน Secondary Property ออกแล้วเปลี่ยนเป็นเพิ่มพลังโจมตีธาตุแบบสุ่มของ Primary Property แทน เป็นทางเลือกในการใช้กางเกงเพิ่มพลังโจมตีธาตุแทน Swamp Land Waders ที่เป็นไอเทมของ Witch Doctor

    หลังจากที่เกมนี้อยู่มานานหลายปี ตารางจัดอันดับก็มีการอัพเดตใหม่ขนานใหญ่ นั่นคือ การเพิ่มตารางย่อยเป็นตารางตามไอเทมที่ใส่พิชิต Greater Rifts ทั้งเซ็ตไอเทม 5 เซ็ตประจำของแต่ละคลาสแบ่งออกเป็น 5 ตารางกับตารางแบบไม่ใส่เซ็ตของแต่ละคลาส รวมทั้งสิ้นคลาสละ 6 ตารางนั่นเอง



    ถ้ามีคนถามว่าทำไมถึงแบ่งตารางจัดอันดับซอยย่อยขนาดนี้ หากให้เดาก็เป็นเพราะการแยกตารางทำให้ผู้เล่นหลายกลุ่มมีสิทธิในตารางจัดอันดับมากขึ้น ไม่ใช่แต่เพียงผู้เล่นอันดับต้น ๆ เท่านั้น ทั้งยังสนับสนุนให้ผู้เล่นแตะบิวด์และเซ็ตที่หลากหลายมากกว่าเดิม



    แค่นั้นไม่พอ สถิติที่ทำได้ไม่ว่าจะขึ้นตารางจัดอันดับได้หรือไม่ก็ตามจะถูกบันทึกไว้ในไอดีเกมให้ผู้เล่นดูเป็นของที่ระลึก ตราบเท่าที่ทีมพัฒนาไม่ลบสถิติไปซะก่อน (อย่างน้อยจะมีให้เห็นก็ราว ๆ 10 ซีซั่น)


    จบจากเรื่องไอเทมก็มากันที่ไฮไลท์ของแพทช์นี้กับการยกเครื่องผู้ติดตามใหม่ทั้งหมด! การยกเครื่องครั้งนี้ทำให้ผู้ติดตามของผู้เล่นมีประโยชน์อย่างมากในการเล่นแบบเดี่ยว ทีมพัฒนาได้เปลี่ยนความสามารถสกิลที่ผู้ติดตามมีส่วนใหญ่ให้สนับสนุนผู้เล่นโดยตรงในรูปแบบบัฟช่วยเหลือมากขึ้นและประสิทธิภาพขึ้นกับ Primary Stats ของผู้ติดตามที่มี ตลอดจนใส่แม้กระทั่งสกิลช่วยชีวิต (ที่พวกเราเรียกกันติดปากว่า "กันตาย") ให้กับผู้ติดตามทุกคนด้วย



    นอกเหนือจากนี้ ยังมีการยกเครื่องไอเทมที่ผู้ติดตามสามารถสวมใส่ได้อยู่จากเดิมมีเพียง อาวุธ แหวน เครื่องราง และของประจำผู้ติดตาม ให้กลายเป็นไอเทม 13 ช่องแบบเดียวกับผู้เล่น + 1 ของประจำตัวผู้ติดตาม เพื่อให้ผู้ติดตามมีประสิทธิภาพการใช้สกิลสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกทั้งไอเทมที่ใส่ยังมีระบบ Emanates รองรับเพิ่มอีกด้วย

    ระบบ Emanates คืออะไร? มันคือระบบดึงความสามารถจำพวก Legendary Affixes หรือ Set Affixes จากอุปกรณ์ที่ผู้ติดตามใส่มาเพิ่มความสะดวกให้กับผู้เล่น 

    ทำไมถึงใช้คำว่าเพิ่มความสะดวกเหรอ? เพราะความสามารถของไอเทมที่มี Emanates นั้นเป็นความสามารถที่เน้นความสะดวกสบายในการเล่นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเซ็ต Sage's Journey ที่เพิ่มจำนวน Death's Breath ที่ได้, Cain's Destiny ที่เพิ่มโอกาสตกของ Greater Rift Keystone, Broken Crown ที่เพิ่มจำนวนอัญมณีที่ตก เป็นต้น 

    ด้วยระบบ Emanates นี้เอง ทำให้การเล่นแบบเดี่ยวได้รับการสนับสนุนเต็มที่ จากที่ทีมพัฒนาเอาแต่สนใจเรื่องสนับสนุนการเล่นเป็นกลุ่มจนเหมือนการเล่นแบบเดี่ยวถูกทิ้ง ตอนนี้กลายเป็นว่าเกมที่สามารถตอบรับผู้เล่นได้ทุกกลุ่มมากขึ้นแล้วนั่นเอง


    คอร์แมค ลินดอน และไอเรน่า ได้ศึกษาและคอยเฝ้ามองเนฟาเลม เรียนรู้วิธีการที่จะพิชิตความมืดทมิฬ ตอนนี้เหล่าผู้ติดตามพร้อมที่จะยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าผู้ที่เป็นตำนาน สวมใส่อุปกรณ์ที่มีพลังสุดอัศจรรย์และปลดปล่อยพลังภายในให้กระจายออกไปเพื่อช่วยเหลือในการต่อกรกับเหล่าอสูรจากนรก....

    ใน Season 23 นี้ นอกเหนือจากการเกริ่นเรื่องราวที่เหมือนกับเนื้อเรื่องเสริมแล้ว ชื่อซีซั่นดูจะเป็นแค่บอกธีมแพทช์เฉย ๆ เพราะว่าการยกเครื่องระบบผู้ติดตามในแพทช์นี้ประกาศแล้วว่าเป็นการยกเครื่องเปลี่ยนแบบ "ถาวร" และมีผลทั้ง Seasonal และ Non-Seasonal อีกด้วย ถือว่าดีแล้วที่ถูกประกาศว่าเป็นของถาวร แปลว่าหลังจากนี้ไม่ว่ากี่ซีซั่น ระบบนี้จะยังคงอยู่ตลอดไป 


    แน่นอนว่าของรางวัลประจำ Season 23 ก็ยังมีเช่นเคย ทั้ง Haedrig's Gift ที่แถมหลังจบ 4 บทแรกของ Season Journey กับ Cosmetic Rewards ที่มีทั้งของรางวัลเดิมและของรางวัลใหม่ประจำซีซั่นนี้


    หลังจบ 4 บทแรกของ Season Journey คุณจะได้รับเซ็ตไอเทมประจำคลาสดังต่อไปนี้
  • Raiment of a Thousand Storms (Monk)
  • Unhallowed Essence (Demon Hunter)
  • Roland's Legacy (Crusader)
  • Tal Rasha's Elements (Wizard) 
  • Wrath of the Wastes (Barbarian)
  • Helltooth Harness (Witch Doctor) 
  • Bones of Rathma (Necromancer)


    สำหรับของรางวัล Cosmetics ดั้งเดิมจะมีชุดจำแลงเซ็ต Conqueror ซึ่งแน่นอนว่าแจก 2 ส่วนต่อซีซั่นเหมือนเดิมกับกรอบภาพประจำตัวและสัตว์เลี้ยงจากซีซั่นก่อน
  • รูปลักษณ์จำแลง Conqueror's Legguards (ขา) และ Conqueror's Sabatons (เท้า) 
  • Treasure Goblin Portrait Frame Set  หลังจากจบ Season Journey 4 บทแรก เป็นต้นไป
  • สัตว์เลี้ยง Emerald Serpent หลังจากจบ Season Journey 4 บทแรก


    ส่วนรางวัลขั้นสูงสุดจากการจบระดับ Guardian ของ Season Journey จะมีทั้งหมด 2 อย่างนั่นคือ 
  • Chopping Block Portrait Frame กรอบประจำตัวที่มาในธีมของ The Butcher 
  • Lacuni Cub Pet สัตว์เลี้ยงใหม่ที่เป็นลูกของสัตว์ร้ายที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีจากเขต Kehjistan เรื่องราวของเจ้าตัวน้อยนี่ก็คือ เจ้าตัวเล็กนี่คิดว่าคุณคือจ่าฝูงของมันหลังจากที่ทั้งฝูงถูกเชือดยกฝูงโดยกลุ่มนักผจญภัยที่เดินผ่านมา ก็แค่นักผจญภัยคนอื่นนั่นแหละ แน่นอนว่าไม่ใช่คุณ (ทำไมฟังคำอธิบายแล้วยิ้มอ่อน...)


        Season 23 จัดว่าเป็นซีซั่นที่ง่ายเพราะด้วยสเกลพลังในปัจจุบัน หลายคลาสก็สามารถจบได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะคู่ Avarice & Avaritia, Speed Demon & Need for Speed, Boss Mode & Worlds Apart ส่วนง่ายสุดเลยเพราะแทบทุกคนผ่านแน่นอนคือ Divinity & Lionhearted เว้นเสียแต่ว่าถ้าเป็นสาย Achievements Hunter ก็ต้องสร้างคลาสที่ 2 เพื่อเก็บให้ครบ เพราะมี Masters of the Universe & Masters of Sets รวมอยู่ในซีซั่นนี้ด้วย

  • Avarice (Seasonal) & Avaritia (Hardcore Seasonal) 
    • เก็บทองต่อเนื่องจนครบ 50,000,000 ณ ที่ใดก็ได้ที่ไม่ใช่ The Vault และ The Inner Sanctum
  • Speed Demon (Seasonal) & Need for Speed (Hardcore Seasonal)
    • พิชิต Nephalem Rift ณ เลเวลสูงสุด (เลเวลพื้นฐาน 70) บนระดับความยาก Torment X หรือสูงกว่า ในเวลา 2 นาที (นับถึงการสั่งปิดริฟท์) 
  • Boss Mode (Seasonal) & Worlds Apart (Hardcore Seasonal) 
    • กำจัดบอสที่กำหนดขณะเลเวลสูงสุด (เลเวลพื้นฐาน 70) บนระดับความยาก Torment X หรือสูงกว่า ในเวลา 20 นาทีนับตั้งแต่เริ่มเกมรอบนั้น
  • Divinity (Seasonal) & Lionhearted (Hardcore Seasonal) 
    • พิชิต Greater Rift ระดับ 75 เดี่ยว
  • Masters of the Universe (Seasonal) & Masters of Sets (Hardcore Seasonal)
    • พิชิต Set Dungeons ระดับเชี่ยวชาญ 8 แห่ง


        หากจะให้พูดถึงแพทช์ 2.7.0 และ Season 23 นี้ละก็ คงเรียกได้ว่าเป็นรุ่งอรุณของสายเล่นเดี่ยว เพราะด้วยแผนพัฒนาเกมดั้งเดิมที่เน้นให้ผู้เล่นได้โบนัสจากการเล่นหลายคน คราวนี้จึงเป็นหมุดหมายสำคัญว่าเริ่มมีการมองผู้เล่นสายเล่นเดี่ยวมากขึ้นแล้ว และยังมีแนวโน้มที่เกมเพลย์หลายอย่างอาจเปลี่ยนไปผ่านการ Rework ที่มีแพทช์นี้เป็นสัญญาณใหม่ แม้ว่าแพทช์นี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีและแย่ แต่อย่างน้อยก็มั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงจะมีอีกในอนาคตและมั่นใจได้ว่าถึงเกมจะอยู่ในระยะอิ่มตัวแต่จะไม่ถูกทิ้งอย่างแน่นอน

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม