[Overview] [Diablo III] Season 29 - Visions of Enmity

          Greetings, Nephalem! Crucifer เช่นเดิม ขอบคุณทุกท่านที่ยังคงเข้ามาอ่านและติดตามในบล็อกนี้ครับ นี่เป็นซีซั่นสุดท้ายที่ทาง Team 3 ประกาศว่าจะอัพเดตคอนเทนต์ใหม่จึงพยายามสรุปรายละเอียดของซีซั่นนี้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ หวังว่าทุกท่านคงจะชอบนะครับ

        และตามที่ Team 3 ได้เคยสัญญาไว้ก่อนหน้านี้ว่า Season 29 จะไม่เล่นใหญ่ มันก็เป็นตามนั้นจริงเพราะธีมของภาคนี้ไม่ได้ส่งผลถึงสเกลพลังของตัวละคร แต่ที่เข้ามามีผลคือกระบวนการเติบโตของตัวละคร มาดูกันว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงกันดีกว่า

        ด้วยความที่ Season 28 ปรับเยอะมากจนเรียกได้ว่าอยู่ตัวแล้ว ซีซั่นนี้จึงแทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย มีเพียงการออกแบบใหม่ของเซ็ตเก่าเพียงเซ็ตเดียว คือ Manajuma's Way เพื่อนำสายวิ่งไก่กลับมาอีกครั้ง การทำให้ Gears of Dreadlands ใช้งานง่ายขึ้น และการปรับไอเทมบางชิ้นเพื่อให้ Crusader บางสายได้เฉิดฉายกับเขาบ้าง

[Gears of Dreadlands]

  • (2) ชิ้น
    • เมื่อโจมตีด้วย Primary Skills จะได้รับความสามารถ Momentum เป็นเวลา 4 วินาที ระยะเวลานับถอยหลังจะเริ่มหลังจากใช้ Primary Skills โจมตีด้วยตนเองครั้งล่าสุด 5 วินาที สามารถสะสมได้สูงสุดถึง 20 วินาที
    • เพิ่มพลังโจมตี Primary Skills 10% ต่อจำนวนวินาทีของ Momentum ที่มีอยู่

        ปัญหาอย่างหนึ่งของเซ็ตนี้คือช่วงเวลา Momentum ลดได้ตลอดเวลา ทำให้พลังโจมตีจาก Momentum ต่ำลงตลอด และการปรับครั้งนี้ทำให้ Momentum อยู่สูงสุดได้ 5 วินาที แน่นอนว่ามันส่งผลถึงการสร้างความเสียหายต่อศัตรูโดยตรงและมีผลพอสมควรเลย

[Manajuma's Way]

  • (2) ชิ้น
    • เพิ่มพลังโจมตีของแรงระเบิดจาก Hex - Angry Chicken 2,000% และหากกำจัดศัตรูได้จะเกิดการระเบิดเพิ่มอีก
    • ระยะเวลาของทักษะ Hex - Angry Chicken ยาวนานถึง 15 วินาที และความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 100% พร้อมทั้งลดความเสียหายที่ได้รับ 75% โบนัสเหล่านี้จะอยู่นานตราบอยู่ในร่างไก่และ 5 วินาทีหลังการกลายร่างเสร็จสิ้น
    • ระหว่างการกลายร่างเป็น Angry Chicken จะปล่อยไก่วิ่งออกไประเบิดใส่ศัตรูพลังโจมตี 100% ของแรงระเบิด Angry Chicken ออกไปทุกครึ่งวินาที

        เซ็ต "วิ่งไก่" ที่หลายท่านรู้จักดี ในแพทช์นี้ถูกปรับให้ใช้งานง่ายขึ้นและแทบจะเทียบเคียงเซ็ตหลักของคลาสได้เลย ด้วยความที่เพิ่มความสามารถลดความเสียหายที่ได้รับ และลดระยะการปล่อยไก่ แถมยังเพิ่มพลังโจมตีของไก่ที่ปล่อยอีกเลยถูกเชิดชูในแพทช์นี้ ในอนาคตอาจมีเซ็ตอาวุธอื่นที่ถูกปรับอีกก็เป็นได้

  • Akkhan's Leniency (Legendary)
    • ศัตรูแต่ละตนที่โดนโจมตีด้วย Blessed Shield จะเพิ่มพลังโจมตี Blessed Shield 35-40% เป็นเวลา 6 วินาที สะสมได้สูงสุดถึง 100 ขั้น (ไม่นับพลังแต่ละขั้นเป็นเอกเทศอีกต่อไป)
  • Vigilante Belt (Legendary)
    • ระหว่างขี่ม้าศึก ทักษะ Fist of the Heavens เพิ่มพลังโจมตีตามความเร็วในการเคลื่อนที่
    • เมื่อทักษะ Fist of the Heavens อยู่บน Action Bar จะร่ายอัตโนมัติลงบนศัตรูแบบสุ่มเป็นช่วง ขึ้นกับความเร็วในการโจมตี
  • Cluckeye (Legendary)
    • เมื่อร่าย Hex - Angry Chicken จะเปลี่ยนสัตว์เลี้ยงทั้งหมดให้กลายเป็น Exploding Chickens
    • บรรดาไก่ระเบิดพลังโจมตีเพิ่มขึ้น 150-200%
    • Angry Chicken พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 50% ต่อบรรดาไก่ที่ระเบิดไปแล้ว
        สาย Blessed Shield เปลี่ยน Akkhan's Leniency เพิ่มระยะเวลาจาก 3 วินาทีเป็น 6 วินาทีและด้วยการที่ไม่แยกพลังสะสมเป็นเอกเทศอีกต่อไปทำให้สะสมพลังโจมตีได้ง่ายมาก Vigilante Belt ทำให้มีโอกาสเกิดสาย Fist of the Heavens ของเซ็ต Aegis of Valor และ Cluckeye ที่ออกแบบใหม่ให้ใช้งานกับ Manajuma's Way อย่างชัดเจน

        จบเรื่องอุปกรณ์กันไปแล้ว เรามาว่าด้วยเรื่องเสียงที่ Team 3 รับฟังบ้าง นาน ๆ จะได้เห็นสักที


        ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นทีมพัฒนาฟังเสียงแล้วปรับเปลี่ยน แต่แพทช์นี้มีอยู่บ้างนะ ถึงจะไม่เยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเกี่ยวกับ Quality of Life ของผู้เล่นที่ถูกเรียกร้องให้เปลี่ยนเป็นอย่างมาก

  • Orek's Dream
    • Dark Berserker (เซ็ตศัตรู 1) และ Toxic Lurker (เซ็ตศัตรู 8) ถูกนำออก 
    • Hellions (เซ็ตศัตรู 19), Vile Swarm (เซ็ตศัตรู 23) และ Savage Beast (เซ็ตศัตรู 33) ถูกเพิ่มเข้ามาตามเซ็ตของตน
    • หากได้แผนที่ Desolate Sands หรือ Shrouded Moors จะมีความหนาแน่นของศัตรูเพิ่มขึ้น 
  • Monk
    • เพิ่มไอคอนบัฟเมื่อรับผลของ Flying Dragon
    • เมื่อเคลื่อนเม้าส์ผ่านตัวละครขณะร่าย Tempest Rush การสะสมพลังของ Flurry จะไม่ถูกรีเซ็ตแบบสุ่มอีกต่อไป
  • Necromancer
    • เดิม Haunted Visions จะไม่สามารถร่าย Skeletal Mages ออกจาก Simulacrums ต่อเมื่อผู้เล่นมี Grim Scythe อยู่บน Action Bar ปัจจุบันคือนำ Skeletal Mages ออกไม่ว่าอย่างไร
    • แก้ไข Requiem Cereplate เคยคำนวณ Essence ที่ถูกต้องพลาดจนล้นเกินไปแล้ว
  • Miscellaneous
    • นำ Mastermind (จบ Set Dungeon ระดับเชี่ยวชาญ) ออกจาก Season Journey และแทนที่ด้วย Overcoming the Trials ที่ต้องจบ Echoing Nightmare แทน
    • จากเดิมที่ Rift Guardian Hamelin ตายแล้วจะไม่ขึ้นเครดิตว่าใครฆ่า ตอนนี้คือขึ้นเครดิตให้กับผู้เล่นที่ใกล้ที่สุดตอนมันตาย
    • แก้ไข Corrupted Angels ที่บางครั้งท่าพิเศษสร้างความเสียหายเท่าตัว ปัจจุบันลดมาเท่าการโจมตีปกติแล้ว
    • เพิ่มจุด Checkpoint สำหรับ Greater Rifts แผนที่ Battlefields และ Boneyards
    • แผนที่ Corvus, Ice Caves, และ Spider Caves จะไม่เจอใน Greater Rifts อีก
        นั่นคือเสียงที่ทีมพัฒนาตอบรับและเปลี่ยนไป อาจไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าไม่มี


        นับแต่แพทช์นี้เป็นต้นไป จะเพิ่มโหมดถาวรอีกโหมดหนึ่งให้กับ Diablo III ที่หลายท่าน (โดยเฉพาะพวกฉายเดี่ยวหรือพวกเวลาว่างเยอะเป็นพิเศษ) ถวิลหาเสียเหลือเกิน มันคือโหมด Solo Self Found หรือที่เรียกแบบติดปากกันว่า Single Player นั่นเอง!


        โดยโหมดนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของระบบซีซั่นมาให้เล่นกัน ความพิเศษของโหมดนี้คือ คุณจะมีตารางจัดอันดับโดยเฉพาะโหมดของตนเอง ผู้เล่นทุกคนจะได้วัดฝีมือความเร็วตั้งแต่ต้นยันจบซีซั่น ใครก็ตามที่ต้องการความท้าทายเชื่อว่าจะชื่นชอบโหมดนี้แน่นอน แต่นั่นแลกมาด้วยการที่ผู้เล่นไม่สามารถทำการแลกเปลี่ยนหรือชวนผู้เล่นอื่นมาร่วมเกมได้ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม แถมเพื่อความเป็น Single Player ที่แท้จริง ทุกอย่างในโหมดนี้จะแยกออกจากระบบซีซั่นปกติหมดเลย! ทั้งคลัง ไอเทม Paragon ทุกสิ่งแยกหมด ต้องหาเริ่มใหม่จาก 0 จริง ๆ และที่สำคัญคือ ยังจำเป็นต้องต่ออินเตอร์เน็ตในการเล่นเหมือนเดิม (ถึงบอกว่าโหมดนี้ดีแค่เฉพาะพวกชอบฉายเดี่ยวหรือเวลาว่างเยอะจัดแค่นั้น)
        
        ข้อสังเกตโหมดนี้คือฐานยืนตัวละครในหน้า Profile หรือ Game Menu จะเป็นฐานสีทองไม่ว่าจะเล่น Solo Seasonal หรือ Solo Hardcore Seasonal

        และเรื่องสุดท้าย Team 3 อ้างว่า Season 29 ถูกพัฒนาโดยมีพื้นฐานว่าเหมาะกับเล่นในโหมด Solo Self Found ถ้าหากใครอยากได้ประสบการณ์ว่าทีมพัฒนาอยากให้โหมดนี้เป็นยังไงก็ลองไปเล่นดู


        สิ่งนั้นแหละ มันปรากฎออกมาจากอากาศที่เบาบาง ทอแสงประกายต้อนรับพร้อมเสียงเพลงอันปั่นป่วน...และมันอันตรธานลับไปไวเฉกเช่นเดียวกับยามมันปรากฎ นี่ไม่ใช่ประตูมิติแรกที่เจ้าได้เผชิญ เนฟาเลม แต่มันไม่น่าหวั่นกลัวตามวิสัยของมันหรือเป็นกลอุบายของปฏิปักษ์เจ้ากันแน่? มีหนทางเดียวที่จะแน่ใจในสิ่งนี้ รวบรวมผู้กล้าก้าวข้ามไปอีกฟากแห่งความลึกลับ เตรียมกายและใจให้พร้อมเพื่อก้าวสู่การเป็นพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้


        Season 29 จะแนะนำคุณเข้าสู่ Visions of Enmity ในซีซั่นนี้จะมีประตูมิติปริศนาที่เรียกว่า Diabolical Fissures เกิดขึ้นมาท่ามกลางความโหดร้ายใน Sanctuary มันจะนำไปสู่ความทรงจำจากอดีตหรือฑูตจากนรกที่อันตรายยิ่งกว่ามาให้ไล่เชือด

        เนฟาเลมสามารถออกไปผจญอันตรายในโลกกว้างอันโหดร้ายและค้นพบ Diabolical Fissures ได้ระหว่างการไล่เชือดศัตรู เมื่อย่างก้าวเข้าไปแล้วจะพบว่าเป็นพื้นที่ปิดขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายและอสูรจะเกิดแบบสุ่มรูปแบบ สิ่งที่เนฟาเลมต้องเผชิญคือฝ่าฟันพวกมันและดำดิ่งลงไปในประตูมิตินี้เรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงจุดสิ้นสุดเพื่อค้นพบรางวัลและปิดประตูมิตินี้แล้วค้นหาประตูมิติอันต่อไป

        จากนี้ไปคือคุณสมบัติพื้นฐานของ Diabolical Fissures ใน Season 29



  • Diabolical Fissures ค้นพบได้เฉพาะใน Season 29 - Visions of Enmity เท่านั้น
  • Diabolical Fissures ค้นพบได้เฉพาะคอนเทนต์ที่อยู่บนโลก Sanctuary เท่านั้น จะไม่พบในคอนเทนต์ที่เป็น Rifts ทั้งปวง ไม่ว่าจะ Nephalem Rifts, Greater Rifts หรือ Challenge Rifts
  • เมื่อ Diabolical Fissures ปรากฎ จะขึ้นข้อความแจ้ง "An enmity has fulminated into reality" พร้อมไอคอนเฉพาะในมินิแมพ
  • ความลึกของ Diabolical Fissures แต่ละครั้งจะสุ่มจำนวนชั้น ตลอดจนสุ่มลำดับ Layout และจะไม่มีการซ้ำ Layout จนกว่าประตูมิตินั้นจะจบลง
  • ศัตรูภายใน Diabolical Fissures จะมี 2 ความสามารถใหม่ที่พบได้เฉพาะในประตูมิตินี้เท่านั้น
    • Enervating: สร้างเอฟเฟคพื้นที่รอบศัตรู (ออร่า) ที่จะลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของผู้เล่น 65% และเพิ่มระยะเวลาใช้ใหม่ของทักษะ 50% เมื่อผู้เล่นอยู่ในระยะออร่าของศัตรู
    • Necrotic: อัตราการฟื้นพลังชีวิตของผู้เล่นลดลง 65% ศัตรูจะสามารถสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง 180% ของพลังชีวิตสูงสุดของผู้เล่นในช่วงระยะเวลาเวลา 30 วินาที เอฟเฟคนี้จะไร้ผลเมื่อผู้เล่นมีพลังชีวิตมากกว่า 95%
  • ในระดับความลึกทุกชั้นจะสุ่มรูปแบบศัตรูที่ได้พบและจะมีหนึ่งตัวที่จะมีรูปแบบต่างจากเซ็ตศัตรูของชั้นนั้น ขอเรียกว่า "แกะดำ
  • หากแกะดำเป็นศัตรูธรรมดาก็จะเปิดประตูมิติลงชั้นถัดไป แต่หากเป็น Treasure Goblin ตัวเดียวเมื่อกำจัดจะกลายเป็น Diabolical Chest ที่มีรางวัลเป็นไอเทม, Greater Rift Keys, และ Bounty Materials ตามระดับความยากของเกมที่เล่นและระดับความลึกของ Diabolical Fissures
  • ภายใน Diabolical Fissures แม้จะไม่มีข้อความใดอธิบายใน Preview แต่หลังทดสอบก็เป็นอันรู้กันว่าอัตราการตก Legendary Items ตลอดจนวัตถุดิบต่าง ๆ ในนี้สูง ทั้งส่วนของรางวัลเมื่อจบอย่าง Diabolical Chest ก็ให้ Bounty Materials ครบทุก Act แถมเกินคุ้มมาก

        รูปแบบศัตรูที่จะได้พบใน Diabolical Fissures


  • ศัตรูระดับ Common พร้อม Rare Elite 1 กลุ่ม
  • ศัตรูระดับ Champion ทั้งหมด
  • Rift Guardians แบบสุ่ม 3 ตน
  • แก๊งค์ Treasure Goblins ทั้งหมด 
    • Treasure Goblin
    • Gem Hoarder
    • Insufferable Miscreant
    • Odious Collector


        Layout ทั้งหมดของ Diabolical Fissures
  • Tristram's Fate (New Tristram)
  • Fond Memory (The Old Ruins)
  • Restless Garden (Cemetery of the Forsaken)
  • Pyre's Revery (Halls of Agony) 
  • Arid Necropolis (Alcanus) 
  • Tales's End (Desolate Sands)
  • Odious Promise (Arreat Crater)
  • Height of Ambition (The Pinnacle of Heaven)
  • Corruption's Harvest (Gideon's Row)
  • Festering Pit (Path of the Drowned)
  • Iron's Ire (The Ram)
  • Destruction's Wake (The Ruins of Sescheron)
  • Forsaken Overlook (Ancient Tower Battlements)
  • Bleak Sigil (Shrouded Moors)
  • Occult Catacombs (Temple of the Firstborn)
        แม้ว่าธีมของซีซั่นนี้ Diabolical Fissures จะไม่ได้มีผลกระทบกับรูปแบบการเล่นโดยตรงเหมือนธีมก่อน ๆ ที่เพิ่มพลังตัวละครอย่างโจ่งแจ้ง แต่ส่งผลทางอ้อมอย่างมหาศาลเพราะแทบทุกอย่างในเกมหาได้จากในนี้หมด (เว้นแต่ Horadric Caches Items ที่ยังคงต้องหาเองจาก Bounties) ทำให้การเติบโตของตัวละครก้าวกระโดดแบบสุด ๆ ไวจนไม่มีซีซั่นไหนเทียบได้เลย



        อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ คือระบบ Paragon ของภาคนี้ที่ถูกออกแบบใหม่เพื่อใช้ในซีซั่นและโหมด Solo Self Found ซึ่งแต่ก่อนจะมีเพดานจำกัดของค่าพลังสำหรับแต่ละอย่างแค่ 50 เท่านั้น แต่ในซีซั่นนี้จะเพิ่มเพดานอย่างมหาศาลจนไปถึง 200 เลยทีเดียว นี่ทำให้การจัดลำดับความสำคัญของความสามารถในอุปกรณ์ต่าง ๆ เปลี่ยนไปและมีอิสระมากขึ้นหรือจะเน้นด้านใดด้านหนึ่งอย่างมีนัยยะสำคัญได้ เพราะหลากหลายความสามารถมีโอกาสเปลี่ยนมาใช้ Paragon Points ในการอัพเกรดแทนหรือดันให้สุดทาง แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะบางความสามารถดันถูกจำกัดเยอะซะแทนแบบไร้หัวคิด นั่นคือการหั่น Movement Speed ระดับหาร 4 และ Area Damage ที่หั่นแบบไม่ต่างกันเลย 

        การปรับ Paragon ครั้งนี้แม้หลายอย่างจะดูดีขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหาที่แก้ไม่ตกอยู่ อย่างไรก็ตาม Team 3 ได้เขียนไว้ใน Preview ว่าระบบ Paragon นี้จะอยู่แค่ใน Season 29 - Visions of Enmity เท่านั้น แต่เชื่อเถอะว่าระบบนี้จะถูกพิจารณากลับมาอีกครั้งในฐานะ Season Exclusive แน่นอน แค่หวังว่าถ้ามันกลับมาจะแก้ปํญหาส่วนที่หั่นแหลกได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้


        มาที่รางวัลประจำซีซั่นกันดีกว่า Haedrig's Gift ยังคงมีเช่นเดิม แต่รางวัลของตกแต่งเก่าที่กลับมาครั้งนี้ต้องมีทั้งคนผิดหวังและคนที่ดีใจอย่างแน่นอน เพราะการวนครั้งนี้ทำให้เห็นแล้วว่า Cosmetic Rewards ของ Season 4 ไม่กลับมาอีกแล้วเป็นที่แน่นอน รางวัลจะเริ่มวนกลับมาที่ Season 5 อีกครั้ง ซึ่งจะได้หลังจากจบ 4 บทแรกของ Season Journey และนี่เป็นซีซั่นแรกที่รางวัลจาก Guardian วนกลับมาให้เก็บอีกครั้งคือ Galactic Wings ที่หลายคนรอคอย!

        หลังจบ 4 บทแรกของ Season Journey คุณจะได้รับเซ็ตไอเทมประจำคลาสดังต่อไปนี้

  • Monkey King's Garb (Monk)
  • The Shadow's Mantle (Demon Hunter)
  • Might of the Earth (Barbarian)
  • Firebird's Finery (Wizard)
  • Thorns of the Invoker (Crusader)
  • Raiment of the Jade Harvester (Witch Doctor)
  • Grace of Inarius (Necromancer)
        เกือบทั้งหมดจัดเป็นเซ็ตเล่นค่อนข้างง่ายไปถึงกลาง ๆ เหมาะกับช่วงเปิดซีซั่นแรก ๆ จะมีที่เล่นยากหน่อยก็ Raiment of the Jade Harvester กับ Might of the Earth ที่จะลดความเสียหายที่ได้รับยาก

        ส่วนรางวัลเล่าใหม่เป็นของ Season 5 ดั้งเดิม ประกอบด้วยชุดจำแลงรูปลักษณ์เซ็ต Conqueror ที่คุ้นเคยกันดี กรอบภาพประจำตัวและสัตว์เลี้ยง และคำขอที่หลายท่านภาวนาไว้ก็เป็นจริงแล้ว เพราะเมื่อจบ Guardian จะได้รับ Galactic Wings จาก Season 17 มาอีกด้วย!


  • รูปลักษณ์จำแลง Conqueror's Legguards (ขา) และ Conqueror's Sabatons (เท้า) 
  • Greyhollow Portrait Frame Set  หลังจากจบ Season Journey 4 บทแรก เป็นต้นไป
  • สัตว์เลี้ยง Old Growth หลังจากจบ Season Journey 4 บทแรก
  • Galactic Wings หลังจากจบ Season Journey - Guardian
        ส่วนรางวัลขั้นสูงสุดใหม่จากการจบระดับ Guardian ของ Season Journey ยังคงมี 2 อย่าง คือ

  • Mad King's Favor Portrait Frame กรอบประจำตัวที่มาในธีมของ Skeletal King 
  • Quoth Pet สัตว์เลี้ยงใหม่ที่คล้ายนก ถ้าดูอนิเมชั่นตอนเคลื่อนไหว ใครก็ต้องคิดว่าหลุดมาจาก World of Warcraft แน่นอน เพราะท่าบินของสัตว์ปีกในเกมนั้นเป็นเอกลักษณ์มาก 
        คือรางวัลก็ไม่ใช่แย่หรอก แต่พอคิดว่าเป็นซีซั่นสุดท้ายที่มีคอนเทนต์ใหม่แล้วรางวัลแบบนี้... ก็รู้สึกกร่อยอยู่นิดหน่อยเหมือนกันนะ หวังว่าซีซั่นหน้าจะออกมาสวยชดเชยความกร่อยนี้


        Season 29 ไม่ถือว่าเป็นซีซั่นที่ยากเย็นนักในแง่ความยากในการจบ แต่หนักเรื่องการสร้างตัวละครที่ 2 เพราะจาก Conquests ที่ให้ทำในซีซั่นนี้ 2 ใน 5 คู่จำเป็นต้องสร้างตัวละครที่ 2 นั่นคือ Years of War & Dynasty และ Masters of the Universe & Masters of Sets ไม่เพียงแค่นั้น ดันมีคู่ที่ยากที่สุดอย่าง Sprinter & Speed Racer ที่ทำยากขึ้นเพราะซีซั่นระยะหลังมีการเพิ่ม Layout ขึ้นมาอีก จึงเหลือแค่ 2 คู่เท่านั้นที่ง่ายคือ Avarice & Avaritia และ The Thrill & Super Human

  • Sprinter (Seasonal) & Speed Racer (Hardcore Seasonal) 
    • จบ Campaign ทั้งหมดของ Diablo III (รวมถึง Reaper of Souls) ณ เลเวลสูงสุดภายใน 1 ชั่วโมง
  • Avarice (Seasonal) & Avaritia (Hardcore Seasonal) 
    • เก็บทองต่อเนื่องจนถึง 50,000,000 ณ ที่ใดก็ได้ที่ไม่ใช่ The Vault และ The Inner Sanctum
  • The Thrill (Seasonal) & Super Human (Hardcore Seasonal) 
    • พิชิต Greater Rift ระดับ 45 เดี่ยว โดยไม่ใส่เซ็ตไอเทมใด ๆ ทั้งสิ้น
  • Years of War (Seasonal) & Dynasty (Hardcore Seasonal)
    • พิชิต Greater Rift ระดับ 55 เดี่ยว ด้วยความสามารถของเซ็ตที่กำหนดแบบโบนัสเต็มสมรรถนะ 6 เซ็ต
  • Masters of the Universe (Seasonal) & Masters of Sets (Hardcore Seasonal)
    • พิชิต Set Dungeons ระดับเชี่ยวชาญ 8 แห่ง


        สำหรับ Season 29 นับเป็นซีซั่นสุดท้ายแล้วที่มีคอนเทนต์ใหม่ Team 3 ได้ใส่และปรับหลายอย่างที่ทำให้แฟนเกมภาคนี้ต้องการไม่ว่าจะ Solo Self Found หรือการปรับ Paragon เสมือนการส่งท้ายจริง ๆ แม้ว่าจะไม่ได้ดีที่สุดเท่าที่มันควรเป็น แต่พวกเขาก็ทำแล้ว หลายคนที่ได้เล่น Diablo IV พอได้มาเล่น Diablo III ในตอนนี้ก็พึงพอใจมากกว่าโดยเฉพาะในด้าน Quality of Life จากนี้ไปก็ต้องคอยดูว่าจะวนคอนเทนต์เก่าอย่างไรให้ออกมาดีเพราะยังมีหลายคอนเทนต์ที่เหมือนกำลังทดลองและปรับเปลี่ยนได้อีก แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม