[Review] [Diablo III] 2.5.0


     สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันมานานมากจริงๆ ตอนนี้เริ่มกลับมารีวิวเกมกับของสะสมต่อแล้วเพราะช่วงที่ผ่านมาได้เล่นจนเต็มอิ่ม(ขั้นสาแก่ใจ) แน่นอนว่ายังประเดิมด้วยรีวิวของ Diablo III เหมือนเดิมก่อน โดยรีวิวนี้จะพูดถึงแพทช์ 2.5.0 ที่เป็นแพทช์อัพเดตแรกจากงาน BlizzCon 2016 ถ้าใครติดตามเพจน่าจะพอรู้รายละเอียดคร่าวๆมาพอสมควรแล้ว แต่ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้ผมจะนำมันมาขยี้ให้ดูอีกครั้งว่ามีอัพเดตอะไรและน่าสนใจแค่ไหนบ้าง มาดูกัน


     Inside Diablo III 2.5.0 Review

  • Armory
  • Organize Crafting Materials
  • Items & Gameplay
  • Season 10
    • Season Journey
    • Conquests
  • Miscellaneous


     สืบเนื่องจากว่าเกมนี้อยู่ในระยะอยู่ตัว ทีมพัฒนาเองก็ไม่มีอะไรใหม่เกี่ยวกับ Expansion (ไม่นับ Necromancer ที่มาเป็นแค่ DLC อาชีพนะ) จึงยังคงเน้นไปพัฒนา Quality of Life กันต่อไปครับ โดยสิ่งแรกที่มาตามที่ทีมสัญญาไว้คือ Armory



     Armory คือ อะไร? มันก็คือระบบการบันทึกบิวด์หรือ Builds Management นั่นเอง ใครงงก็นึกถึงพวกบันทึกอุปกรณ์แล้วเปลี่ยนทั้งหมดได้ภายในปุ่มเดียวนั่นแหละ แต่อันนี้สะดวกกว่าหน่อยเพราะมันครอบคลุมไปถึงกดปุ่มเดียวสามารถเปลี่ยนทั้งไอเทมที่สวมใส่ สกิลและพลังของไอเทมที่ใช้อยู่ใน Kanai's Cube ได้ในคราวเดียวอีกด้วย เปลี่ยนได้แม้ไอเทมเหล่านั้นยังอยู่ในหีบเก็บของ สิ่งเดียวที่ไม่ถูกบันทึกตามก็คือ Paragon Status ซึ่งก็ดีอยู่ เพราะถ้าใคร Paragon Level สูงคงรู้อยู่แล้วว่า ถ้าระดับ 600 ขึ้นไปก็ไม่ต้องคิดมากเรื่องการอัพพลังอีก (ยิ่ง 800 นี่ยิ่งไม่ต้องคิดเลย...)

     ด้วยการใช้งานที่ง่ายเพียงคลิกเดียว ทำให้สามารถเล่นบิวด์ที่หลายหลายได้โดยไม่ต้องเสียเวลา จะเสียแค่เวลาอัพเดตไอเทมใหม่ต้องกลับมาบันทึกอีกรอบ แต่ก็ต้องระวังว่าหากเผลอทำไอเทมชิ้นใดชิ้นหนึ่งที่บันทึกหาย จะไม่มีการเอาไอเทมแบบเดียวกันมาทดแทนนะ ต้องหามาบันทึกใหม่กันอย่างเดียว



     สำหรับอีกสิ่งหนึ่งที่ทีมพัฒนาเผยว่าทำไว้แล้วนำมาใส่เรียบร้อยแล้วนั่นคือ ระบบจัดการวัตถุดิบสร้างไอเทมหรือ Organize Crafting Materials ทีมได้เปลี่ยนการจัดการไอเทมใหม่จากที่เก็บเข้าช่องเก็บของแล้วเปลืองเนื้อที่ได้ทำการเปลี่ยนใหม่ทำให้การเก็บวัตถุดิบที่เคยเปลืองเนื้อที่เข้ามาอยู่ในหน้าต่างซึ่งแยกจากช่องเก็บของต่างหาก และด้วยความที่มันเป็นหน้าต่างแยก ทำให้จัดหมวดหมู่ไอเทมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีทั้ง Bounty Materials, Crafting Materials และ Hellfire Materials

     ที่สำคัญไปกว่านั้น ใช้งานกับ Kanai's Cube ได้ง่ายด้วย โดยเมื่อจะเรียกใช้งาน แทนที่จะลากวัตถุดิบมาใส่ให้ยุ่งยาก ก็จัดการเปิดคู่มือสูตรที่ต้องการแล้วกด "Fill" เพื่อใส่วัตถุดิบตามสูตรทั้งหมดแค่นั้น จะลากอย่างอื่นใส่ก็ต่อเมื่อมีคีย์ไอเทมอย่างอื่นที่จำเป็นกำกับ


     แต่การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลหน่อยตรงที่ต้องทำให้สูตร Anger of Iben Fahd ที่เคยต้องอาศัยลากวัตถุดิบใส่แปลงมาเป็น 3 สูตรแทน ตามวัตถุดิบตั้งต้น

     อันที่จริงชอบการผสมของสูตร Anger of Iben Fahd แบบเก่านะ มันให้ความรู้สึกของการแปรธาตุดีเพราะต้องคิดว่าระหว่างวัตถุดิบ 3 แบบ ต้องใส่อะไรชิ้นไหนบ้าง มาแบบนี้มันดูขาดความคลาสสิค



     จบเรื่องระบบที่เพิ่มเติมกันไปแล้ว มาว่ากันด้วยเรื่องไอเทมบ้าง สำหรับไอเทมนั้นมีการอัพเดตเพิ่มเติมอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือ มีการเพิ่มไอเทมระดับใหม่เข้ามา! โดยจะเรียกไอเทมชนิดใหม่ กรอบแดงแรงสามเท่านี้ว่า Primal Ancient Legendary


     สำหรับไอเทมชื่อชนิดยาวสุดอลังการณ์งานสร้างกรอบแดงแรงสามเท่านี้ ก็คือ Ancient Legendary นั่นแหละ เพียงแต่ว่ามันเป็นระดับตัวท๊อป หรือจะพูดง่ายๆก็คือ มันเป็น Endgame Items ของแท้แน่นอน

     ทีมพัฒนาบอกว่า เนื่องด้วยเห็นความสำคัญว่าเมื่อผู้เล่นเข้าสู่ระยะ Endgame (เดาว่าคงตัดสินจากหลังจบ Season Journey เพราะคนส่วนใหญ่เล่นถึงแค่จบระดับนั้น) ก็ไม่มีรางวัลอะไรเป็นแรงจูงใจในการเล่นอีกเลยนอกจาก Leaderboards เท่านั้น เลยเพิ่มไอเทมชนิดนี้ให้เป็นรางวัลสำหรับคนที่มาถึง Endgame แล้วยังอยากเล่นต่อ

     ไอเทมชนิดนี้จะเริ่มตกเมื่อตัวละครใดตัวละครหนึ่งในโหมดสามารถจบ Solo Greater Rifts 70 ได้อย่างสวยงาม (พูดง่ายๆคือจบทันก่อน 15 นาทีหมด ได้อัพ Legendary Gems นั่นแหละ) โดยจะมีการแยกโหมดออกเป็น Normal, Hardcore, Seasonal, Hardcore Seasonal ส่วนอัตราการตกอยู่ที่ 1% (อนึ่ง ขอให้ทุกท่านเข้าใจว่า 1% นี่คือไม่ใช่ตก 100 ชิ้นจะเจอ 1 ชิ้นนะ แต่อาจจะต้องหาเป็นพันเป็นหมื่นถ้าหาก 1% นี่ไม่ยอมออกมาสักที)

     หากใครติดตามข่าวจะรู้ว่าจากเดิมไอเทมชนิดนี้ไม่ได้ปรับให้เป็น Max Stats Ancient หรอก แต่อยู่เหนือ Ancient ขึ้นไปอีกระดับ และหากทำยังงั้นอาจส่งผลต่อระดับความยากของเกมในระยะยาว เลยโดนแฟนๆร้องเรียนกันเยอะ (แหงละ มีใครอยากโดนยัดเยียดให้ต้องเพิ่มระดับเพดานของ Endgame อีกละ แค่ไป Solo Greater Rift 70 ก็จุกแล้ว ตอน Ancient มาก็ปรับเพดานทีนึงแล้ว)

     ส่วนตัวแล้วชอบการปรับแบบนี้มากกว่าการให้มันกลายพันธุ์เป็นไอเทมอีกระดับเลย ส่วนหนึ่งเพราะเหตุผลเรื่องส่งผลต่อตัวเกม การที่ปรับออกมาแบบนี้ก็ถือว่าดีแล้วเพราะพลังมันไม่มากจนเกินไป อีกส่วนคือความหายากของมันก็มีคุณค่าทางใจซะด้วยสิ

     มาถึงอีกส่วนหนึ่งที่จะพูดถึงคือไอเทมที่ถูกเพิ่มความสามารถใหม่หรือถูกออกแบบใหม่ในแพทช์นี้ ซึ่งสร้างความหลากหลายของบิวด์และสกิลที่ใช้พอสมควร ยกเว้นชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นไฮไลท์และเป็น"ปัญหา"ในสายตาของผม ไอเทมที่ว่าก็คือ...


     ซึ่งไอเทมนี้เป็นไอเทมเพียงชิ้นเดียวที่มีการเพิ่มความสามารถให้ (ไม่ใช่มีความสามารถเดิมแล้วออกแบบใหม่นะ แต่เพิ่มความสามารถให้เลย) และมันมีผลต่อ Leaderboards อย่างมหาศาล



     สำหรับเรื่องเกมเพลย์ แพทช์นี้ยังคงเสมอต้นเสมอปลายอยู่ มีการเพิ่มความหลากหลายของบิวด์เข้ามาโดยวัดได้จาก DiabloFans - Builds และ Leaderboards ในเกมที่ยังคงมีทั้งบิวด์เก่าและบิวด์ใหม่ประปรายกันไป แต่จะมี Holy Point Shot ที่พูดถึงในหัวข้อไอเทมนี่แหละที่ทำลายความหลากหลายของ Demon Hunter ลงจนแทบสิ้น โดยสำรวจจาก Hardcore Seasonal Leaderboards แล้ว เกือบทั้งหมดมาถึงจุดนี้ได้เพราะบิวด์นี้เลย บิวด์อื่นนี่หาแทบไม่มี ด้วยความที่ The Shadow's Mantle มีความ Overpower ส่วนหนึ่งอยู่แล้ว เลยทำให้แพทช์นี้ยิ่งแล้วใหญ่ กลาย Demon Hunter สอบตกเรื่องความหลากหลายไป



     อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้พูดตอนรีวิวแพทช์ที่แล้วเพราะยังไม่เห็นภาพชัดเจนเท่าไหร่เนื่องจากเล่นแค่ไม่กี่คลาสนั่นคือ "การที่เพิ่มจำนวนมอนสเตอร์ส่งผลต่อบิวด์ที่ใช้" เพราะแพทช์นี้ได้มีโอกาสจับมันเกือบทุกคลาสเลยเข้าใจมากขึ้นว่า การเพิ่มจำนวนมอนสเตอร์ไม่ได้ส่งผลดีต่อเกมเสมอไป หากบิวด์ที่ใช้ไม่ได้เหมาะสม บางบิวด์เหมาะสำหรับการกำจัด Elite Monsters เป็นหลัก แต่การรับมือมอนสเตอร์ทั่วไปกลายเป็นเรื่องน่าแขยง (ถ้านึกไม่ออก ลองนึกถึง Firebird's Finery น่าจะชัดอยู่) เพราะฉะนั้น จะเลือกใช้บิวด์ไหนบ้าง เลือกให้ดีๆ มันมีผลเยอะ อันนี้ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ลดความหลากหลายลงได้




     มาต่อด้วย Seasons กันเถอะ ตอนนี้เดินทางมาถึง Season 10 กันแล้ว! สำหรับรอบนี้มาแปลกที่ ปกติเราจะเห็นว่า Portrait Set ของซีซั่นที่เป็นเลขคู่จะสวยตลอด (ลองย้อนกลับไปดูของ Season 4, 6, 8 สิ สวยทุกอัน) มาคราวนี้ Soulstone Portrait Set กลับเฉยๆ ความสวยไปลงอยู่กับ Loremaster Pennant หมดเลย ซึ่ง Loremaster Pennant นี้มามาลักษณะเสาโบสถ์พร้อมโคมแชนเดเลียบนยอดและผืนยังเป็นหน้าสมุดเก่าที่มีสัญลักษณ์ Horadrim มาพร้อมคำโปรย"ผู้สืบทอดของเคน"อีกด้วย อย่างเท่!




     สำหรับ Season Journey ความยากกับภารกิจส่วนใหญ่อยู่ในระดับอยู่ตัวแล้ว ยังคงจบที่ Solo Greater Rift 70 เหมือนเดิม จะมีแผลงๆก็ฆ่า Adria ในระดับ Torment XIII ภายใน 15 วินาที ซึ่งปกติก็ตายยากอยู่แล้ว เลยลำบากหน่อย มีแนวร่วมช่วยจะเป็นอะไรที่ดีมาก






     Conquests สำหรับซีซั่นนี้ เป็นอะไรที่หนักเอาเรื่องเลยหากอยากสะสมให้ครบ เพราะมันมี Time Trial Conquests ถึง 2 แบบหลัก คือ Sprinter & Speed Racer และ Boss Mode & Worlds Apart ซึ่งเอาเรื่องอยู่ หรือหากไม่อยากผจญของยาก คุณก็ต้องเล่นถึง 2 ตัวละครอย่างต่ำด้วยกันเพราะมี Years of War & Dynasty กับ Masters of the Universe & Masters of Sets ซึ่งการจะทำให้ครบต้องสร้างถึง 2 ตัวละคร เพราะฉะนั้น การที่จะทำ Conquests เพื่อจบระดับ Season Journey - Guardian มีอยู่ 3 ทาง


  • ลุย [On A Good Day หรือ I Can't Stop] และ [ฺBoss Mode หรือ Worlds Apart] จบที่ [Sprinter หรือ Speed Racer]
  • ลุย [On A Good Day หรือ I Can't Stop] และ [ฺBoss Mode หรือ Worlds Apart] เหมือนเดิม แต่ไปจบที่สร้างตัวละครที่ 2 ทำ [Years of War หรือ Dynasty] หรือ [Masters of the Universe หรือ Masters of Sets]
  • ลุย  [On A Good Day หรือ I Can't Stop] และ [ฺBoss Mode หรือ Worlds Apart] แล้วไปลุย Conquest เดียวกันต่อใน Hardcore Seasonal


     ซึ่งเชื่อเหอะ ทางสุดท้ายแทบไม่มีคนทำแน่นอน ทางแรกก็หาคนยาก ส่วนใหญ่จะไปทางที่ 2 หมด ยกเว้นผมที่ทำหมด เพราะฉะนั้น ขอให้ฝ่าฟันไปให้ได้นะครับ lol


     ที่เหลือตอนนี้ก็จะเป็นการอัพเดต Quality of Life เล็กๆน้อยน้อย บางอันสำคัญและถูกใจมาก บางอันก็ทำให้งงๆว่าอัพเดตทำไม แต่ก็ดีกว่าไม่มี มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง


ต่อไปนี้ แท่นยืนสำหรับตัวละคร Seasonal จะมีแสงเฉพาะตัวแล้วนะ แถมมีใบไม้ปลิวแล้ว เย้!
...
พูดไม่ถูกเลย...


จากนี้ไป ใครอยากเล่น Public แล้วกลัวพวก Leechers
หมดกังวลอีกต่อไป เพราะแทนที่จะใช้ Paragon Levels ในการปลดล็อคระดับความยากห้อง Public ก็เปลี่ยนมาใช้ Solo Greater Rifts Rank แทน ไม่เทียบเท่า เข้าไม่ได้
หมดห่วงเรื่อง Leechers! แต่ AFKers ยังมี...


และหนึ่งในปัญหาโลกแตกของเกมนี้ก็หมดไป เมื่อทีมพัฒนาเอา Bonus Caches ออก แล้วใส่มัดรวมเป็นกล่องใหญ่ Large Horadric Chest ที่ให้ของเท่ากันแทน
เยี่ยม!


อีกหนึ่งความพีค ที่หากเก็บปีก Cosmic Wings แล้วคิดว่า Rainbow Goblins ไม่มีความจำเป็นอีก
ขอให้คิดใหม่ เพราะตอนนี้ทุกตารางนิ้วกลายเป็นแหล่งซุกซ่อนวัตถุดิบและไอเทมเพียบ!


     โดยรวมแล้ว แพทช์นี้ผมพอใจเรื่อง Quality of Life พอสมควรเลยทีเดียว มันดี ง่าย และสะดวกสบายมากขึ้น การที่ระดับความยากอยู่ตัว แต่เพิ่มเงื่อนไขการจบด้วยให้ทางเลือก Conquests เป็นอะไรที่โอเคมาก ที่สำคัญไม่ยากเกินไป แต่แพทช์นี้จะมาเสียก็ตรงมีปัญหากับมอนสเตอร์และไอเทมทำเอาจำกัดเรื่องความหลากหลายบิวด์นี่แหละ โดยเฉพาะ Demon Hunter ที่โดนไปเต็มที่เลย ได้แต่หวังว่าทีมพัฒนาจะหาอะไรมาแก้ทางก่อนที่ทุกคลาสจะน่าเบื่อไปซะหมดนะ

Pros
+ Quality of Life หลายอย่างทำออกมาค่อนข้างดี
+ Primal Ancient Legendary ที่หายากและตอนแทนค่อนข้างคุ้มค่า
+ Season Journey และ Conquests กำลังดี ไม่ยากไปและไม่ง่ายไป มีทางเลือกให้ทำ
Cons
- ความหลากหลายของบิวด์โดนทำลายด้วยเงื่อนไข 2 อย่าง ความหนาแน่นมอนสเตอร์และไอเทม

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม