[Review] [Assassin's Creed Origins]


     สวัสดีครับ Crucifer หลังจากที่พยายามปรับปรุงอะไรเกี่ยวกับเพจไปบ้างก็ได้กลับมารีวิวเกมอย่างเป็นเรื่องเป็นราวซะที สำหรับความเปลี่ยนแปลงนี้จะไปในทางที่ดีขึ้นมากแค่ไหนคงต้องติดตามกัน ในส่วนของรีวิวตั้งใจว่าขั้นต่ำจะเขียนออกมาให้ได้เดือนละเกมครับ และสำหรับเดือนมกราคมนี้ ขอเปิดศักราชใหม่ด้วยภาคต่อของหนึ่งในซีรี่ย์ที่ผมชอบที่สุดอย่าง Assassin's Creed กับภาคใหม่ที่มีชื่อว่า Assassin's Creed Origins

     มาดูกันเลยว่าภาคนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปและมีอะไรน่าสนใจบ้าง
  • Performance
  • Origin of Brotherhood
  • Fascinating Kingdom
  • Unforgettable Quests
  • Combat Redesign
  • Delve Deeper RPG Elements
  • Endgame Contents
  • Flawed Masterpiece



     ก่อนอื่นเรามาดูด้านการแสดงผลกันก่อน ภาคนี้น่าจะนับว่าเป็นภาคที่พอร์ตมาค่อนข้างดีและมีตัวเลือกให้ปรับเยอะพอสมควรเลยเมื่อเทียบกับภาค Syndicate ความสวยงามของภาพแม้ปรับไม่สูงมากแต่ก็ถือว่างดงาม แต่การปรับภาพให้สูงได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวเลือกแยกย่อยต่าง ๆ


     การล็อคเฟรมเรตจะค่อนข้างกินทรัพยากรเยอะและทำให้ความละเอียดภาพดรอปลงรวมไปถึงภาพอาจมี Glitchs บางอย่าง ตรงกันข้ามหากไม่ล็อคเฟรมเรตจะมีโอกาสที่เฟรมเรตดรอปลงบ้าง แต่ไม่มากเท่าไหร่ แทบไม่เคยเจอถึงระดับดรอปจนเล่นไม่ได้มาก่อน ส่วนตัวแล้วชอบการไม่ล็อคเฟรมเรตแล้วเสพย์ความสวยงามของภาพมากกว่า



     ในส่วนที่มีข่าวซอฟท์แวร์ป้องกันการเจาะมีผลทำให้เครื่องทำงานช้าลง ได้ลองดูมากับตัวแล้ว ปรากฎว่าเท่าที่ดูมีผลอยู่ประมาณหนึ่งเลย จากการลองบนแต่งกราฟฟิคใกล้เคียงกันทั้งภาค Syndicate กับ Origins เปรียบเทียบกัน ภาค Origins จะใช้ CPU มากกว่าปกติประมาณ 10% แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แย่มากแต่อย่างใด (และหากปรับกราฟฟิคสูงขึ้นแน่ว่า CPU ก็ทำงานเยอะตาม)



     เราทุกคนรู้ว่า เรื่องราวของซีรี่ย์ Assassin's Creed คือ การต่อสู้ระหว่าง Assassin Brotherhood และ Templar Order เพื่ออุดมการณ์ของตนโดยมีเรื่องราวของเผ่า Isu หรืออีกชื่อ The First Civilization เป็นพื้นหลังเสริมเรื่องราวของจักรวาลนี้ โดยซีรี่ย์จะเริ่มนำเสนอตั้งแต่ยุคสงครามครูเสดที่มีองค์กรอัศวินศักดิสิทธิ์ แต่สำหรับเหล่าภาคีมือสังหารละ มีเรื่องราวเริ่มต้นเป็นองค์กรได้อย่างไร?  Origins ได้หยิบเรื่องราวนี้มาเล่าว่ากว่าจะขึ้นมาเป็นองค์กรต้องผ่านการต่อสู้อะไรมาบ้าง


     คุณจะได้เป็น Bayek ผู้มีตำแหน่งเป็น Medjay (ในเกมพวกเขาจะถูกเรียกว่า"ผู้พิทักษ์") แห่ง Siwa เมืองหนึ่งทางตะวันตกของอียิปต์ ทว่าเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อนจนชีวิตพลิกผัน ทำให้เขาออกล่าผู้ที่สร้างความแค้นและต้องการปิดบัญชี ก่อนที่เขาจะรู้ว่านั่นทำให้เขาสร้างองค์กรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการพิทักษ์เจตจำนงค์เสรีของมวลมนุษยชาติ


     อันที่จริงศัตรูในภาคนี้ที่ทำให้เกิดองค์กรก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย แต่เป็นองค์กรที่เป็นต้นเจตนารมณ์ของเหล่า Templar Order ดั้งเดิม นั่นคือ "Order of the Ancients" หรือที่รู้จักันในอีกชื่อหนึ่งคือ "The Snake" ที่มีรูปแบบการบริหารที่ลอกแบบกันมาเลย โดยเน้นเข้าควบคุมอิทธิพลตลอดจนฟาโรห์ Ptolemy XIII เพื่อใช้งานและบังคับทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปตามต้องการ


     Origins นำเสนอเรื่องราวของการต่อสู้เพื่อโค่นอำนาจ Order of the Ancients แบ่งเรื่องราวเป็นบทตามอารมณ์ของบทนั้นและเป้าหมายที่สังหารอย่างชัดเจนคล้ายกับภาค Syndicate ซึ่งในภาคนี้ต้องยอมเลย บางบททำออกมาได้เน้นอารมณ์และค่อนข้างดีมากด้วย จะมีช่วงท้ายที่เหมือนจะรวบรัดไปหน่อยเลยทำให้การเล่าเรื่องดูขาด ๆ เกิน ๆ แต่ภาพรวมก็ยังดีมากอยู่ดี



     ในภาคนี้ยังมีพันธมิตรใหม่รวมถึงบุคคลในประวัติศาสตร์โผล่มาในเนื้อเรื่องกันอย่างเนืองแน่นเช่นเดิม ใครที่เล่นภาคนี้ต้องรอดูบทบาทของตัวละครเหล่านี้ให้ดีเพราะพวกเขาไม่ใช่แค่ตัวละครสมทบที่อยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งด้านเดียวแบบภาคก่อน ๆ แต่เหล่าบุคคลที่สนับสนุน มิตรเก่าที่หักหลัง ตลอดจนพันธมิตรก่อตั้งภาคี เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เนื้อเรื่องน่าสนใจมากขึ้น




     ส่วนเผ่า Isu ภาคนี้แทบไม่ได้มีบทบาทอะไรมากนอกจากบอกเล่าเรื่องราวผ่านการขุดค้นพบในสุสานนำมาซึ่งข้อความที่เหล่าผู้มาก่อนได้ฝากฝังทิ้งไว้ให้บรรดาผู้ถูกสร้างเบื้องหลังอย่างมนุษย์และเป็นเนื้อเรื่องของฝั่ง Isu ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน



Alexandria


     หนึ่งในสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ Ubisoft ที่น่าชื่นชมจริง ๆ คงไม่พ้นการออกแบบฉากต่าง ๆ และการสร้างโลก Open World ที่งดงามราวกับยกอียิปต์โบราณมาให้ชมกันจริง ๆ


Cyrene



Memphis


Krokodilopolis


Siwa

     แต่ละเมืองจะมีเอกลักษณ์และแลนด์มาร์คชัดเจน แค่นั้นไม่พอ สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ที่แตกต่างกันยังให้บรรยากาศเปลี่ยนไป




     แถมยังใส่ลูกเล่นอย่างอาการขาดน้ำเพิ่มเติมเป็นสีสันของเกมได้ด้วย



     การออกสำรวจในอียิปต์โบราณที่กว้างใหญ่ ไม่ใช่แค่เพียงการพบเจอผู้คนเท่านั้น ในภาคนี้ยังมีสัตว์ร้ายต่าง ๆ ที่กล้ำกรายเข้ามา ผู้เล่นสามารถเป็นได้ทั้งเหยื่อและแสวงหาประโยชน์จากมันไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบอัพเกรดตัวละครหรือนำไปขายทอดตลาดก็ตาม


     นอกจากนี้ เกมยังถ่ายทอดวิถีชีวิตของเหล่าตัวละครในเกมออกมาได้ดี ทั้งการขนส่งสินค้าของกองทหารโรมัน การขนทองของเหล่าโจร และที่สำคัญแม้แต่ช่วงเวลาต่าง ๆ ก็ส่งผลถึงการกระทำของตัวละครทั้งการพักระหว่างทางหรือการนอนอีกด้วยราวกับมันมีชีวิตจริง ๆ



     สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้การสำรวจโลกอียิปต์โบราณง่ายขึ้น คือ Senu อินทรีย์คู่ใจที่คอยเป็นตาให้กับ Bayek มันไม่เพียงแต่ทำให้มองจากมุมสูงได้เท่านั้น ยังสำรวจสิ่งของ มองหาวัตถุดิบ ติดแท็กศัตรู ตลอดจนหาทางเข้าเส้นทางลับได้อีกด้วย เรียกว่าสารพัดประโยชน์


     นอกจากนี้เกมเปิดโอกาสให้คุณได้เข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ ของเกมได้เต็มที่ ไม่ว่าจะพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ปีนได้ การมีทางลับใต้ดินต่าง ๆ ตลอดจนการเข้าไปขุดค้นสุสาน



     การสำรวจอาจพาคุณเข้าสู่สุสานต่าง ๆ เพื่อค้นหาความรู้ที่ถูกซ่อนไว้แต่โบราณกาล เพิ่มพูนทักษะให้คุณสามารถต่อสู้กับศัตรูที่รุกรานอียิปต์




     และการสำรวจ The Vault ยังตอบแทนด้วยการเสริมเรื่องราวเนื้อเรื่องให้คุณเข้าใจมากยิ่งขึ้น




     คุณยังสามารถบันทึกภาพสวย ๆ ได้ผ่าน Photo Mode ที่มีตัวเลือกปรับภาพต่าง ๆ ได้หลากหลายตลอดจนฟิลเตอร์เพื่อแต่งภาพ (แน่นอนว่าภาพในรีวิวนี้เกือบทั้งหมดมาจากโหมดนี้)

     สำหรับในภาคนี้ดูเหมือนว่า Ubisoft พยายามใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงตัวเกมได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลต่อประสบการณ์ที่ผู้เล่นจะได้รับแตกต่างกันบนพื้นที่อียิปต์โบราณที่เชื่อมต่อกันเป็นผืนเดียว




     นอกเหนือจากเนื้อเรื่องหลักที่ทำออกมาดี อีกสิ่งหนึ่งที่น่าชม อาจจะชมมากกว่าเนื้อเรื่องหลักอีก คือบรรดา Side Quests ทั้งหลาย จริงอยู่ที่ปกติเราจะเห็นค่อนข้างน้อยและไม่สำคัญนอกจากเป็นแหล่งค่าประสบการณ์เพิ่มเลเวล แต่ในภาคนี้บรรดาภารกิจข้างทางทั้งหลายกลับมีเนื้อเรื่องที่แตกต่าง มีความเป็นตัวของตัวเอง และน่าจดจำอย่างแท้จริง เพราะมันแทบจะไม่ซ้ำกันเลยแม้แต่เควสเดียว แถมบางทีชอบมาเป็นซีรี่ย์เควสด้วย



     และความหลากหลายของภารกิจก็มีมากเช่นกัน ทั้งสืบสวน บุกจู่โจมค่าย ภารกิจคุ้มกันที่ต้องคุ้มกันตั้งแต่คนยันจระเข้... ครับ ฟังไม่ผิดหรอกครับ ปล่อยแล้วคุ้มกันจระเข้ก็มี


     ไม่เพียงแค่นั้น ภารกิจรองเหล่านี้ทั้งหลายยังสามารถเชื่อมโยงกันเป็นเนื้อเรื่องที่มีสเกลใหญ่ขึ้น ใหญ่จนถึงขั้นมีคัทซีนฉากสุดท้ายเป็นของตนเองก็มี


     โดยภาพรวมแล้ว สิ่งเหล่านี้นอกจากให้ค่าประสบการณ์เพื่อผู้เล่นจะเก่งขึ้นแล้ว ด้วยเนื้อเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ ยังน่าดึงดูดให้ค้นหาภารกิจมาเล่นเรื่อย ๆ จนครบอีกด้วย





     การต่อสู้ในภาคนี้เปลี่ยนไปจากเดิมมากจนเรียกว่าออกแบบใหม่เลย คือ ระบบการต่อสู้ แทบจะโละของเดิมออกหมด อาวุธที่แตกต่างกันจะมีท่วงท่า จังหวะการเข้า-ออก การใช้อาวุธและคอมโบที่ต่างกัน สร้างความหลากหลายให้กับเกมเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่เราใช้ได้เท่านั้น ศัตรูก็เช่นกัน
     คุณจะไม่เห็นสิ่งที่เรียกว่า Counter Kill อีกต่อไป (อย่างเก่งก็แค่ Parry) ทำให้ความมักง่ายของเกมนี้หายไป คุณต้องสู้ด้วยฝีมือของคุณเอง อุปกรณ์ที่ใส่จะเป็นตัวชี้วัดด้วยว่าอยู่รอดได้แค่ไหน


     สิ่งที่ถูกยกระดับขึ้นมาอีกอย่างคือ ความเป็น RPG ของเกมนี้ โดยการปรับแต่งตัวละครทำให้เพิ่มขีดความสามารถต่าง ๆ ผ่านการเล่น เมื่อเล่นนานเข้า ผู้เล่นจะสามารถปรับแต่งอะไรได้เยอะขึ้นมาก ไอเทมจะไม่ถูกจำกัดอยู่ที่เพียงชิ้นใดชิ้นหนึ่ง และทางเลือกสกิลที่ใช้เล่นก็ไม่จำเป็นต้องมีเพียงหนึ่งเช่นกัน


     ไอเทมในภาคนี้มีการเพิ่มระดับความลึกในการปรับแต่งตลอดจนแบ่งเกรดของตามระดับความสามารถที่มีอยู่ในไอเทมต่าง ๆ อาวุธต่างชนิดก็มีการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
     นอกจากการนั่งเก็บไอเทม การอัพเกรดตัวละครโดยตรงก็สามารถทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้นได้ โดยสามารถล่าวัตถุดิบได้ทั้งจากการล่าสัตว์หรือจู่โจมทหารโรมันหรือกองโจร





     เสริมความลึกมากกว่าเดิมด้วยการปรับเปลี่ยนระบบสกิลที่จากภาคก่อนเหมือนจะมอบสิทธิพิเศษมากกว่าจะเป็นสกิลจริง ๆ (อย่างการเรียกพวก การเพิ่มความรุนแรงอาวุธชนิดใดชนิดหนึ่ง การเก็บเงินเพิ่ม) ให้เป็นการปลดล็อคความสามารถจริง ๆ แม้จะขัดใจอยู่บ้างที่บางความสามารถเคยมีให้ใช้อยู่เดิมตั้งแต่ภาคเก่า แต่ในภาคนี้ต้องมาปลดล็อคด้วยตนเอง

     แต่ข้อดีที่ทดแทนของการปรับแบบนี้คือ ทำให้เกมมีแนวทางสายการเล่นชัดเจนขึ้นเพราะจำเป็นต้องเลือกว่าจะอัพอะไรดีถึงจะเข้ากับสไตล์เกมเพลย์ที่ตนเองเล่น จะอัพสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ (แม้ว่าพอเข้าสู่ช่วง Endgame คุณจะมีสกิลเกือบทั้งเกมก็ตาม)


     ในส่วนของ Endgame Contents จะเรียกว่าเป็น Side Activities ซะก็ได้ มีอยู่พอสมควรเลยและแทบทุกอย่างสามารถทำซ้ำเพื่อหาค่าประสบการณ์และทองมาใช้ได้ด้วย



     Hippodrome ถือว่าเป็น Racing ประจำภาคนี้ การแข่งรถเทียมม้าที่กะเอาให้ตายไปข้างหนึ่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและต้องใช้ฝีมือในการบังคับรถม้าสูงพอสมควรไม่งั้นถูกแซง(หรือถูกรถม้าคันอื่นเทียมเข้ามาบดขยี้)ได้ง่าย ๆ สำหรับผมยกให้เป็น Side Activity ที่ยากที่สุดในเกมแล้ว





     Gladiator Arena เปรียบเสมือน Fight Club จากภาคเก่าทั้งหลายที่ซึ่งรวมแชมเปี้ยนโหดและท้าทายเอาไว้ การเข้าไปในอารีน่าปกติจะใช้อาวุธที่ทางสนามประลองกำหนด ต้องอยู่รอดแต่ละยกจนได้เผชิญกับบอสของอีเวนท์นั้น เว้นแต่โหมดใหม่ที่เพิ่มเข้ามาทีหลัง Horde Mode เราสามารถพกอาวุธของเราไปได้ แต่ศัตรูจะมาเป็นยกและไม่หยุดจนกว่าเราจะสู้ไม่ไหว


     นอกเหนือจากกิจกรรมพิเศษยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีก อย่างการโค่นช้างสงครามเพื่อยึดของนำมาเป็นของตนเองซึ่งทำได้แค่เที่ยวเดียวจบ



     Trials of the Gods เมื่อ Animus เกิดรวนและปล่อย Animus Glitch ออกมา ทำให้คุณต้องสู้กับ 3 เทพจากอียิปต์โบราณ ถือว่าเป็น Boss Fight ที่ไม่เลวเลยทีเดียว


อันนี้ขอทิ้งไว้เป็นปริศนา จะเกิดอะไรขึ้นคงต้องไปเล่นเองละกันนะ 



     แน่นอนว่าก็ไม่ได้มีอะไรเพอร์เฟคไปซะทุกอย่าง สิ่งที่จะฉุดซีรี่ย์นี้ได้น่าจะเป็นเนื้อเรี่องของช่วงเวลายุคปัจจุบันต่างหาก โดยเฉพาะ Layla ตัวละครยุคปัจจุบันคนใหม่ที่ดูย้องแย้งหลายอย่างกับตรรกะของเธอและเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์จนน่ารำคาญ


     อีกส่วนที่ขัดใจจนชวนตัดคะแนน คือ การบังคับเรือเพื่อจู่โจมซึ่งดันทำออกมาไม่โอเคหลายอย่างและกลายเป็นเกมกด Counter รอสวนอย่างเดียว แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นแย่ แต่ก็ไม่มีอะไรให้ชม


แต่เรื่องแย่ที่สุดที่คิดออกคือ การไม่สามารถเล่นย้อนของเก่ามาดูได้นี่แหละ
อย่างน้อยก็ยังดีตรงที่ทางทีมพัฒนาได้ฟังเสียงแฟนเกม
และล่าสุดประกาศว่าเกมจะมีโหมด New Game + เพื่อให้เล่นซ้ำด้วยตัวละครเดิมได้


     ปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง มีจุดที่ตำหนิอยู่บ้าง แต่การปฏิวัติเกมเพลย์รวมไปถึงรายละเอียดอีกหลายอย่าง ทำหน้าที่มอบประสบการณ์ของมันได้ดีและเป็นภาคที่น่าจดจำมากที่สุดภาคหนึ่งของซีรี่ย์ไปอีกนาน ขอบคุณ Ubisoft มาก ๆ ที่ยังเห็นแก่ซีรี่ย์นี้และทำให้มันได้กลับมาอย่างสมศักดิ์ศรี


Pros
+ การเล่าเนื้อเรื่องหลักน่าสนใจเข้าขั้นดีงาม
+ เควสข้างทางที่มีเรื่องราวเป็นของตนเอง
+ โลกเปิดที่มีชีวิตชีวาขึ้นมาจริง ๆ ทั้งความสวยงามและอันตรายที่รายล้อม
+ ระบบต่อสู้ใหม่และการเพิ่มความลึกของสกิลและความเป็น RPG ที่ดีมาก
Cons
- ความน่ารำคาญของ Layla ในช่วงยุคปัจจุบัน
- ระบบการต่อสู้ยุทธนาวีที่ไม่มีอะไรชวนตื่นเต้นเลย

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม