[Review] [Diablo III] 2.4.0


     ช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่ได้เข้าไปเล่น Diablo III 2.4.0 มานานจนจบแล้ว คิดว่าน่าจะถึงเวลารีวิวแพทช์นี้ซะที รีวิวนี้คาดว่าจะเป็นรีวิวที่ค่อนข้างสั้นหน่อย เพราะนอกจากคอนเทนต์ใหม่ซะครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนที่เหลือนี่เรียกได้ว่าพูดแบบกล่าวผ่านๆเลยก็ยังได้ เพราะส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาเล็กน้อยแต่ช่วยให้สะดวกสบายขึ้นตามเสียงตอบรับของผู้เล่นซะเป็นส่วนใหญ่


     สิ่งที่จะพูดถึงในรีวิวแพทช์ 2.4.0 ได้แก่
  • Adventure Mode
    • New Areas and New Zone
    • Bounty Grounds
  • Game Systems
    • Experience - Group & Solo
    • Empowered Rifts
    • Kanai's Cube Caldesann's Despair
    • Miscellaneous
  • Items
    • Modified Set Items
    • Rise of Legendaries
    • Independence Ways to Play
  • Set Dungeons
    • Master Above All
  • Season 5
    • Conquests & Journeys
    • All Around Seasons - Now and Then


     อย่างแรกเลย คือ Adventure Mode ที่ได้ทำการเพิ่มพื้นที่ใหม่ขึ้นมา 2 Areas และ 1 Zone


  • New Areas
    • Eternal Woods (Act III, The Ruins of Sescheron)
    • Royal Quarters (Act I, Leoric's Manor Courtyard)
  • New Zone
    • Greyhollow Island (Act V)


     สำหรับพื้นที่ย่อยใหม่ทั้งสองแห่งไม่มีอะไรเป็นพิเศษมากนัก ในส่วนของ Eternal Woods จะเป็นส่วนขยายของ The Ruins of Sescheron เป็นป่าสนท่ามกลางหิมะที่เต็มไปด้วยเยติและซอมบี้ที่เป็นคนตายจากการถูกเยติฆ่าเพ่นพ่านเต็มไปหมด เป็นพื้นที่ที่ไม่มีอะไรพิเศษเลยนอกจากพื้นหิมะสีขาวที่หากฆ่ามอนสเตอร์ทีละมากๆ พื้นจะเต็มไปด้วยเลือด สนองความสะใจล้วนๆ จะมีพิเศษก็ตรง Royal Quarters พื้นที่เสริมของ Leoric's Manor Courtyard ที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ใหม่ Set Dungeons ซึ่งจะกล่าวภายหลังอีกที (นอกจากนี้จะมี Easter Egg Item ซ่อนอยู่ที่นี่ด้วย)



     ส่วนโซนใหม่ที่มาในแพทช์นี้อย่าง Greyhollow Island เป็นเกาะต้องสาปที่แยกเอกเทศจากแผ่นดินหลักของ Westmarch ลักษณะภูมิประเทศเป็นป่าสนดิบชื้นที่ภูมิอากาศมีเมฆปกคลุมมืดครึ้มตลอด บางครั้งก็มีพายุฝนบนเกาะ มีการเพิ่มมอนสเตอร์ใหม่ที่บางตัวคุ้นหน้าคุ้นตาแต่มาพร้อมความสามารถใหม่ บางตัวเป็นมอนสเตอร์เก่าที่เพิ่มดีกรีความโหดเข้าไป แน่นอนว่าหากเลเวลของผู้เล่นยังน้อยอยู่และเล่นในระดับความยากที่สูงกว่าตนเอง พวกนี้จะเป็นพวกที่โหดเพราะทักษะที่มีลูกเล่นค่อนข้างเยอะ


     แต่ไฮไลท์ของพื้นที่นี้ คือมีตำนานที่แยกออกมาเป็นพิเศษจากเนื้อเรื่องหลักของเกมซึ่งน่าสนใจพอสมควรเลยทีเดียว และการที่จะเข้าถึงตำนานของเกาะ จำเป็นต้องรวบรวม Journal (ทางที่ดีต้องอ่าน) เพื่อซึมซับเนื้อเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ซึ่งสามารถหาได้จากกระเป๋าของนักสำรวจและอดีตผู้อาศัยบนเกาะนี้ไปจนถึงอีเวนท์ต่างๆ และจะมีเหตุการณ์ที่เนฟาเลมต้องทำลายคำสาปของเกาะนี้




     ในแพทช์นี้ได้มีการเพิ่ม Bounty ประเภทใหม่ นั่นคือ Bounty Grounds มีลักษณะพิเศษคือการทำภารกิจผ่านอีกมิติหนึ่งซึ่งฉากหลังและรูปแบบภารกิจจะสุ่มทุกครั้ง มีฉากหลังทั้งหมด 6 แบบ และรูปแบบภารกิจ 4 แบบ ในทุกครั้งที่เข้า Adventure Mode ผู้เล่นจะเจอ Bounty Grounds ทั้งหมด 2 ภารกิจต่อรอบ รูปแบบภารกิจบางอย่างก็มีความยากมากน้อยขึ้นกับทักษะที่ใช้และอุปกรณ์ที่สวมใส่ หากใครเคยเล่นจะรู้ว่าบางอันแปลกและยากพอสมควร


     ในส่วนของ Game Systems นับว่าเป็นส่วนที่มีการปรับมากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากเสียงตอบรับและข้อคิดเห็นของผู้เล่นเอง ทำให้แพทช์นี้กลายเป็นแพทช์ที่หลายคนค่อนข้างชอบมากที่สุด เพราะทำให้ผู้เล่นสะดวกสบายขึ้นนั่นเอง



     ประเด็นแรก คือ การเปลี่ยนแปลงเกมที่มีความเหลื่อมล้ำระหว่างการเล่นกลุ่มและการเล่นเดี่ยวมากเกินไป เพราะเมื่อเล่นเดี่ยวค่าพลังมอนสเตอร์ในระดับความยากสูงนั้นไม่ได้มีอัตราลดทอนลงมาเท่าที่ควร จึงมีการปรับแก้ไขให้เหมาะสม ประเด็นนี้ส่งผลทั้ง Difficulty โดยรวม ทำให้ผู้เล่นนอกจากไต่ Greater Rifts ระดับสูงได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังสามารถเลื่อนระดับความยากเพื่อหาอุปกรณ์ระดับสูงได้ง่ายขึ้น


     นอกจากนี้ ยังได้ใช้โอกาสแก้ไขเรื่องการเก็บเลเวลเป็นกลุ่ม (ในแบบที่ Blizzard ไม่ปลื้ม) ด้วยการลดค่าความสามารถของอุปกรณ์ที่เพิ่มค่าประสบการณ์ แล้วหันไปสนับสนุนการเล่น (ในแบบที่เรียกว่าเล่นจริงๆ) ด้วยการเพิ่มค่าประสบการณ์จากมอนสเตอร์ทั้งเกมโดยตรงแทน


     และเพราะเหตุทั้งปวง ทำให้มีการเพิ่ม Action Bonus ที่นำมาจาก Console ถูกเพิ่มเข้ามาใน PC 
โดยเฉพาะการคอมโบต่อเนื่องเพิ่มค่าประสบการณ์ รูปแบบเกมเพลย์จึงเริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย ที่ไม่เพียงกำจัดศัตรูในระดับสูงเท่านั้น แต่ความต่อเนื่องจะทำให้ได้ค่าประสบการณ์แบบทวีคูณเช่นกัน



     ความคิดเห็นที่น่าสนใจอันหนึ่งเสนอว่า ต้องการให้ Gold กลับมามีค่าอีกครั้ง จึงมีการนำ Gold มาใช้ในฐานะตัวช่วยอย่างหนึ่ง นั่นคือที่มาของ Empowered Rifts มันคือ Greater Rifts ที่เพิ่มสิทธิในการอัพเกรด Legendary Gems เข้าไปอีก 1 ครั้ง โดยใช้ Gold ในการจ่ายค่าสิทธิพิเศษนี้ ระบบนี้นอกจากแก้ปัญหา Gold เฟ้อแล้ว ยังเป็นตัวช่วยที่ทำให้ผู้เล่นลดเวลาในการไต่ระดับความยากใน Greater Rifts ขึ้นเล็กน้อยเพราะมันเป็นเพียงแค่ตัวช่วยอย่างหนึ่งเท่านั้น



     สูตรพิเศษที่ใส่เพิ่มเข้าไปใน Kanai's Cube นี้ สามารถเพิ่มค่าพลังพื้นฐานของเนฟาเลมได้ขึ้นอยู่กับ Legendary Gems ที่ใช้และส่วนผสมที่เป็นตัวแปรอื่นว่าจะได้ค่าอะไรและค่าที่ได้มากแค่ไหน เพื่อที่จะได้ไต่ระดับความยากที่สูงขึ้นได้ แน่นอนว่ามีเงื่อนไขเพิ่มเติมเล็กน้อยคือ สูตรนี้ใช้ได้กับ Ancient Legendary Items เท่านั้น สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกคือ มันใช้จำนวนวัตถุดิบค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว (ต้องใช้ Flawless Royal ถึง 3 เม็ดในการแปรธาตุแต่ละครั้ง)


     ส่วนที่เหลือที่จะพูดถึงนั้น คือความใส่ใจเล็กน้อยที่ถูกใส่เข้ามาตามความต้องการของผู้เล่น 


การออกแบบ Buff UI ใหม่ เพื่อให้สะดวกและง่ายต่อการจัดการมากขึ้น



การเพิ่ม Action Bonus บน PC ไม่ได้มีเพียงการคอมโบศัตรูต่อเนื่องเท่านั้น
การทำลาย Objects ต่างๆ รวมถึงการกำจัดศัตรูด้วยสิ่งของตามธรรมชาติก็เพิ่มเข้ามาเช่นกัน


การเพิ่มเครื่องหมายของ Legendary Items ที่ถูกบันทึกไว้ใน Archive of Legendary Power


เพิ่มเลขกำกับแสดง Legendary Gems Rank บนไอคอนเพื่อสะดวกในการจัดการ


เพิ่มเครื่องหมายนำทางไปหา Keywardens ในแผนที่ที่มีพวกมันอาศัยอยู่



Bandit Shrine แบบใหม่ที่สังเกตได้ง่ายขึ้นมาก


การเพิ่มตัวเลือกปรับเปลี่ยนตัวเลขแสดงค่าความเสียหายรวมทั้งเพิ่มสีที่แสดงความรุนแรง


การทำให้ Death's Breath มีโมเดลและไอคอนใหม่เพื่อง่ายต่อการเก็บและการค้นหา


การเพิ่ม Stash Space หีบใหม่มาให้ 1 ใบ


ตัวอย่าง Set Items ที่ปรับเปลี่ยนและ Legendary Items ที่เพิ่มเข้ามาใหม่






     หนึ่งในไฮไลท์ของแพทช์นี้ คือการปรับเปลี่ยนและเพิ่มอุปกรณ์เยอะมาก ตั้งแต่ปรับความสามารถของ Class-Specific Set Items ถึง 10 เซ็ตด้วยกัน (ไม่นับรวมเซ็ตที่ทุกคลาสใส่ได้) การปรับ Legacy of Nightmares Set เพื่อรองรับผู้ที่ชอบการเล่นโดยไม่ใส่อุปกรณ์เซ็ตแต่นิยม Ancient Legendary Items หรือแม้แต่ Legendary Items ทั้งที่ถูกเพิ่มเข้ามาหรือของเดิมที่ถูกปรับเปลี่ยนร่วม 50 ชิ้นด้วยกัน ทำให้เกมมอบอิสระตลอดจนมีแนวทางในการเล่นตามความชอบมากยิ่งขึ้น แม้บางทีจะเห็นว่ามี Meta ประจำแพทช์เป็นหัวขบวน Leaderboards แต่ก็มีสายอื่นที่เพิ่มเข้ามาด้วย สร้างความหลากหลายในเกมมากขึ้น


ขั้นตอนการเข้าพิชิต Set Dungeons




     Set Dungeons ถือเป็นคอนเทนต์ใหม่ล่าสุดที่ทาง Blizzard ใส่เพิ่มเข้ามาด้วยความต้องการที่จะให้ผู้เล่นเข้าใจถึงการใช้ Set Items ทุกเซ็ต จึงได้เพิ่มคอนเทนต์นี้ขึ้นมาเพื่อให้ผู้เล่นทดสอบความสามารถในการใช้ Set Items ทุกชนิดของตนเอง โดยจะมีทั้งหมด 24 Set Dungeons ด้วยกัน แบ่งตามคลาส คลาสละ 4 เซ็ต แน่นอนว่ามีรางวัลสำหรับผู้ที่พิชิตได้ แต่การพิชิตนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
     ขั้นตอนพิชิตตามลำดับจริง คือ ผู้เล่นต้องสวมอุปกรณ์ Class-Specific Set Items จนครบได้เซ็ตโบนัส (6) ชิ้นแล้วไปหา Tome of Set Dungeons ที่อยู่ใน Royal Quarters เพื่อรับคำใบ้มา แต่ละเซ็ตจะมีสถานที่ซ่อนดันเจี้ยนแตกต่างกันไป (แต่หากรู้สถานที่ของแต่ละดันเจี้ยนก็สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย) เมื่อไปถึงทั้งยังสวมใส่ครบเซ็ตโบนัส (6) ชิ้นของดันเจี้ยนนั้น เสาประตูมิติประจำดันเจี้ยนจะปรากฏและบอกว่าคู่ควรที่จะพิชิตดันเจี้ยน 
     ทุกดันเจี้ยนจะมี 2 ภารกิจซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ดันเจี้ยนมาให้พร้อมจำนวนมอนสเตอร์ขั้นต่ำที่ต้องกำจัดและเวลาที่จำกัดในการพิชิต ซึ่งการพิชิตก็มี 2 ระดับ คือ Complete ที่ต้องผ่านขั้นต่ำ 1 ภารกิจและฆ่ามอนสเตอร์ตามที่ระบุขั้นต่ำ กับ Mastery ที่ยากถึงขั้นต้องผ่านทั้ง 2 ภารกิจพร้อมฆ่ามอนสเตอร์ทั้งดันเจี้ยนให้จบภายในเวลาที่กำหนด
     ซึ่งอยากบอกอย่างหนึ่งเลยว่าดันเจี้ยนหลายแห่งง่าย แต่บางแห่งยากระดับแหกนรกก็มิปาน โดยเฉพาะเมื่อ RNG มีส่วนในการวางตำแหน่งมอนสเตอร์ที่บางครั้งทำเอาภารกิจยากขึ้นมากมายมหาศาล ถึงกระนั้นการพิชิตดันเจี้ยนสามารถหาเพื่อนไปช่วยเหลือได้ โดยเฉพาะเรื่องการกำจัดมอนสเตอร์ให้หมดไปเพื่อให้ได้ระดับ Mastery ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การจบทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวก็น่าภูมิใจมากกว่า


     แน่นอนว่ารางวัลที่ได้ก็แตกต่างกันไปตามจำนวนและระดับดันเจี้ยนที่พิชิต ตั้งแต่ Banner Sigils, Achievements, Pennants ตลอดจน Wings ก็เช่นกัน
     ถือว่าเป็นคอนเทนต์ที่แนวคิดดีและรางวัลคุ้มค่ามากทีเดียว ประเด็นเดียวที่น่าเคืองคือไม่มีการบันทึกเกี่ยวกับสถิติในการจบแต่ละดันเจี้ยน เพราะถ้าทำได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเล่นเดี่ยว จะสร้างความภูมิใจอย่างมากเลยทีเดียว



     แน่นอนว่ามีการเพิ่ม Set Dungeons Achievements ไว้ในแพทช์นี้เช่นกัน เสียตรงไม่มีการบันทึกสถิติตามที่กล่าวข้างต้น


     สิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ ความเปลี่ยนแปลงใน Season 5 ที่เปลี่ยนไปเยอะเลยทีเดียว 


     อย่างแรก คือ การเพิ่มระบบที่เรียกว่า Rebirth ที่นำตัวละคร Non-Seasonal มาเป็น Seasonal เริ่มใหม่โดยไม่เสียสถิติที่เคยทำในการเล่น โดยจะสามารถใช้ได้สูงสุด 3 ตัวต่อ 1 รอบ ทำให้ยังรักษาตัวละครที่มีสถิติการเล่นสูงไว้ได้



     อย่างที่สอง คือ การนำ Seasonal Rewards หรือ อุปกรณ์ที่ตกเฉพาะใน Season ออก ต่อไป Legendary Items ทุกชิ้นสามารถหาได้จากทั้ง Season และ Non-Season แต่ทดแทน Seasonal Rewards ด้วย Set Item 1 เซ็ตเมื่อจบ Season Journey ระดับขั้นต่ำเพื่อเริ่มต้นในแต่ละรอบได้ง่ายขึ้น


     อย่างที่สาม เมื่อจบแต่ละ Season ในระดับ Conqueror จะได้รับ Stash Space อีก 1 ช่องไปในทันที ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะชอบกันนักเพราะดูมีข้อจำกัดและเข้าถึงยาก


     ส่วนเรื่องระยะเวลา... เมื่อเทียบกับฐานผู้เล่นส่วนใหญ่แล้ว... 3 เดือนออกจะสั้นไปนิด...



     แน่นอนว่า Blizzard ยังชอบที่จะเห็นผู้เล่นเปลี่ยนแปลงเกมเพลย์เพื่อสิ่งนี้ Conquests หลายอันจึงได้กลับมา ไม่ว่าจะเป็น Sprinter & Speed Racer, Avarice & Avaritia, The Thrill & Super Human, Years of War & Dynasty ตลอดจนคอนเทนต์ใหม่อย่าง Set Dungeons ก็มี Conquests เพิ่มเหมือนกัน คือ Master of the Universe & Master of Sets 
     จะสังเกตว่า Conquests ประจำ Season 5 จัดว่าค่อนข้างง่ายเลยทีเดียว ด้วยเนื้อหาคอนเทนต์ที่เพิ่มทั้งหมด เอื้อต่อการทำ Conquests ส่วนใหญ่ได้สบาย เพียงแต่จำเป็นต้องใช้เวลาในการหาอุปกรณ์ต่างๆไม่ว่าจะ Set Items หรือ Legendaries จะมีเพียง Sprinter & Speed Racer เท่านั้นที่ยังคงความยากไว้เหมือนเดิม





     และคอนเทนต์สุดท้ายที่เข้ามาตั้งแต่อัพเดตแพทช์แล้วแต่เพิ่งเผยให้เห็นเฉพาะในเดือนมีนาคมเท่านั้น เพราะเดือนนี้เป็นเดือนเกิดของ Kevin Kanai Griffith ชายผู้เป็นแรงบันดาลใจให้ทีมพัฒนาของ Diablo III เขาจึงได้มีอีเวนท์ส่วนตัว เพื่อเป็นการรำลึกถึงคานาย เมื่อเนฟาเลมไปเยือนยังภายในสุด The Immortal Throne วิญญาณคานายจะลุกขึ้นมาและร่วมพร้อมสู้ไปกับเนฟาเลมใน Kanai's Stomping Grounds ที่ซึ่งมีอีเวนท์ Udder Cowlamity หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งมันก็คือ Secret Cow Level ฉบับคานายนั่นเอง
     น่าจะเรียกได้ว่าเป็นความพิเศษที่ทำให้ได้ใจแฟนบอย Blizzard มาก แม้ภายในนั้นไม่ได้มีไอเทมพิเศษใดๆก็ตามแต่นั่นก็เกินพอแล้ว


     สุดท้ายของท้ายที่สุด แพทช์นี้น่าจะเป็นหนึ่งในแพทช์ที่ดีที่สุดหลังจากปล่อย Reaper of Souls เป็นต้นมา เนื่องด้วยความใส่ใจจากเสียงตอบรับและข้อเสนอแนะทำให้เกมออกมาเป็นที่น่าพอใจ และด้วยความที่ Season 5 นี้ค่อนข้างง่ายถ้าหากมีเวลาพอ ประกอบกับโครงสร้างเกมที่ถูกปรับเปลี่ยนให้เร่งจังหวะเกมเร็วขึ้น ทั้งการที่สามารถไต่ระดับความยากเร็วขึ้นเพราะลดความเหลื่อมล้ำของการเล่นเดี่ยวตลอดจนตัวเลือกในการเสริมความแข็งแกร่งมากขึ้น มีคอนเทนต์ให้ทำมากขึ้น จึงกล้าบอกว่าแพทช์นี้เป็นแพทช์ที่ดีที่สุดแพทช์หนึ่งเลยทีเดียว


Positive
+ โครงสร้างเกมที่เปลี่ยนไป ทำให้สามารถไต่ระดับได้เร็วขึ้นและง่ายขึ้น
+ ความสะดวกสบายจากการปรับเปลี่ยนหลายๆอย่าง ช่วยให้เกมง่ายขึ้น
+ Set Dungeons กับรางวัลที่คุ้มค่าพอที่จะเสียเวลากับมัน
+ Season 5 จัดว่าง่าย ถ้ามีเวลาให้กับมันมากพอ
+ ระบบ Season ที่เปลี่ยนไป ดีมาก ยกเว้น...
+ Space! I Love Space!
Neutral
O Udder Cowlamity ส่วนตัวผมชอบมาก แต่เพราะไม่มีไอเทมพิเศษ คงไม่ใช่ทุกคนที่ชอบ...
O Greyhollow Island ที่มีเนื้อเรื่องของตนเองถือว่าดี แต่อยากให้มีมากกว่านี้
O ระยะเวลาสำหรับ Seasons คือ 3 เดือน... เผื่อเวลาให้แฟนบอยมากกว่านี้ก็ดีนะ
Negative
- Stash Space เพิ่มเติมดันไปแขวนไว้กับ Season Journey ระดับ Conqueror อันนี้ก็เยอะไป...
- ไม่มีบันทึกสถิติสำหรับ Set Dungeons

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม