[Review] [Tom Clancy's The Division] Open Beta


     ไม่ได้เจอกันนานเลย หลังจากห่างหายไปเพราะ Diablo III ตอนนี้กลับมาแล้วครับ ช่วงที่ผ่านมามีหลากหลายเกมที่ได้เล่น ทั้งเกมที่ออกใหม่รวมไปถึงตัวทดสอบที่จะมารีวิวในครั้งนี้อย่าง
Tom Clancy's The Division ที่ได้เปิด Open Beta ไปเมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้วและกำลังจะเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ เลยทำการลัดคิวล่วงหน้าให้ The Division มาก่อนเผื่อตัดสินใจสำหรับใครก็ตามที่เล็งเกมนี้อยู่ว่าจะน่าเล่นจริงหรือเปล่า?



     อย่างที่รู้กันว่า มันเป็นแค่ตัวทดสอบเท่านั้น ยังไม่ปล่อยอะไรมากมายนัก ผมจึงขอนำเสนอภาพรวมคร่าวๆสั้นๆเท่านั้นว่ามีอะไรบ้างและน่าสนใจยังไง

     ในรีวิว Tom Clancy's The Division Open Beta นี้ จะประกอบไปด้วย
  • Game Performance
  • Main Missions
  • Side Activities (Side Missions, Encounters, Collectibles)
  • Gameplay
  • Dark Zones
  • Survival
  • Not Available in Beta

     มาเริ่มกันเลยดีกว่า ประเด็นแรก Game Performance
     Tom Clancy's The Division หลายคนคงได้รู้แล้วว่าใช้เอนจิ้นใหม่จาก Massive Entertainment ที่ชื่อว่า Snowdrop ศักยภาพของมันคือเน้นการสรรสร้างสภาพแวดล้อมต่างๆให้ออกมาแนบเนียนเสมือนจริงตั้งแต่เรื่องวัตถุต่างๆ แสงเงา ตลอดจนสภาพอากาศ
นี่คือตัวอย่างเอนจิ้นจากงาน GDC 2014


แต่ก่อนหน้านี้ ใน Closed Beta ของ The Division มีการทำ Graphics Comparison ออกมาว่า Ubisoft ได้ทำการดาวน์เกรดกราฟฟิคในเกมจัดว่าเยอะเลยทีเดียว มาดูกันว่าจะเยอะแค่ไหน


     เห็นกันไปคร่าวๆแล้ว มาดูภาพในเกมที่ผมได้เจอกัน...




     ถ้าเทียบกับที่เคยโชว์ใน E3 2013 นับว่าลดกราฟฟิครวมไปถึงรายละเอียดต่างๆไปค่อนข้างเยอะ ทั้งเรื่องดีไซน์รายละเอียดฉาก สภาพแวดล้อมต่างๆ แสงเงา ถึงกระนั้นก็ยังกินสเป็คพอสมควร ขนาดผมจะเล่นให้ลื่นยังต้องปรับระดับกราฟฟิคเป็น Medium แต่อย่างน้อยเรื่อง Texture นับว่าดูดีกว่า Assassin's Creed Syndicate ที่กิน Video Memory เยอะกว่าครับ (ACS ผมต้องปรับ Texture เป็น Low เพื่อให้สามารถเล่นเกมได้) อย่างไรก็ตามภาพที่ได้ออกมาค่อนข้างโอเค อารมณ์มาตรฐานเกมทั่วๆไป ไม่ได้เริศหรูอลังการณ์นัก ยกเว้นพวกที่เป็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ เช่น ความพริ้วไหวของหิมะตก เปลวไฟที่ลุกอยู่ แสงจากพลุ ควันไฟ ทำให้เคลื่อนไหวดูเป็นธรรมชาติตามที่ระบุไว้ แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ก็ยังมีจุดที่ต้องเกลาอีกเยอะพอตัว

     การดีไซน์ฉากต่างๆในเกม อย่างฉากความวุ่นวาย รายละเอียดต่างๆอย่างเศษขยะ พื้นถนนต่างๆ แน่นอนว่าโดนลดทอนลงเช่นเดียวกับกราฟฟิค จะเหลือที่เห็นเยอะบ้างแค่บางจุดครับ



     นอกจากนี้ หน้าจอคำสั่งต่างๆก็ต่างจากตอนประกาศใน E3 2013 ไม่ว่าจะเป็นเมนูหน้าจอต่างๆ จากที่ซูมเข้านาฬิกา กลายเป็นการเบลอฉากธรรมดาๆแล้วขึ้นเมนูที่ฝั่งขวา ขณะที่ตัวละครอยู่ฝั่งซ้ายแทนซึ่งจะว่าเป็นแบบสมัยนิยมก็ว่าได้ และยังมีคอนเทนต์ที่ชื่อว่า "Echo" ก็เหมือนจะต่างกับที่โชว์ตอนแรกพอสมควร ลักษณะแผนที่ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยจากโฮโลแกรมบนพื้นที่มีรายละเอียดตึกละเอียดมากกลายเป็นเบลอฉากหลังจนเป็นสีเทาแล้วเป็นตึกแท่งๆที่แทบไม่มีรายละเอียดอะไรเลยทำให้คนที่คาดหวังสูงกับตอน E3 2013 อาจจะผิดหวังมากพอสมควร

     โดยรวมแล้ว ถ้าพูดถึงกราฟฟิคและการดีไซน์ต่างๆภายในเกม ถ้าตั้งว่าจะให้เกมเหมือนใน 
E3 2013 อาจจะผิดหวังมากเลยทีเดียว (อย่างน้อยผมก็หนึ่งในนั้น) แต่ก็มีข้อดีอยู่บ้างคือ ไม่รีดกราฟฟิคจนโอเว่อร์และใช้งานค่อนข้างง่ายเพราะความเป็นสมัยนิยมของมันนี่แหละ


     ถึงคราวเข้าเรื่องจริงๆแล้ว Main Missions


     เริ่มต้นเมื่อจะเข้าเกม จะมีการสร้างตัวละครขึ้นมาก่อน ซึ่งก็คือตัวละครที่เราเล่นในเกมนี่แหละ
แต่ดูเหมือน Ubisoft จะใจแคบไปนิดนะ... เพราะนอกจากแบบหน้าตาของ Randomize ที่มีเซ็ตให้ไว้แล้ว ก็ปรับแต่งอิสระอะไรไม่ได้อีกเลย... คงต้องดูกันอีกทีว่าตอนเกมเปิดจะปรับแต่งได้แค่ไหน (แต่ดูจากหัวข้อที่มีให้แล้ว... คงไม่เยอะหรอก)




     เนื้อเรื่องหลักอย่างที่ทราบกันคือ การกู้นครนิวยอร์ค เราจะอยู่กับเจ้าหน้าที่ SHD อีกคนหนึ่งที่ถูกย้ายหน่วยเนื่องจากการต่อสู้มาด้วยกัน ซึ่งเธอจะคอยช่วยเหลือประสานงานให้ หน้าของคุณคือการตามหาบุคคลที่มีความจำเป็นต่อหน่วยเพื่อที่จะฟื้นฟูเมือง โดยจะแบ่งเป็น 3 ส่วน แต่ในเบต้าจะเปิดให้แค่ 2 ส่วนเท่านั้น เท่ากับมีแค่ 2 ภารกิจหลักในเบต้านี้ นั่นคือการกู้ Medical Wing กับ Tech Wing ส่วน Security Wing คงต้องเล่นในเกมหลัก

     ภารกิจของ Main Missions จะเป็นอะไรที่ถ้าไม่นับ Multiplayers Contents ก็จะยาวสุด มากกว่าส่วนอื่นอยู่พอสมควร มีตั้งแต่สู้ศัตรู ช่วยเป้าหมาย ไปจนถึงสู้กับ Elite Enemies (ที่บางคนเรียกมันว่า บอส)

     แต่อย่างไรก็ตาม ยังสรุปเนื้อเรื่องทั้งหมดว่าน่าสนใจมากน้อยแค่ไหนไม่ได้ เพราะเท่าที่เล่นมาแค่ 2 Main Missions ก็ร่วมราวๆชั่วโมงกว่าเองเท่านั้น (บางคนที่ถนัดแนวนี้หรืออาจจะผ่าน 
Closed Beta มาก่อนอาจจะเล่นได้สั้นกว่านั้นด้วยซ้ำ) จึงยังพูดอะไรไม่ได้มากว่าดีแค่ไหน


     มาว่ากันด้วย Side Activities บ้าง เพราะมีเรื่องให้พูดถึงพอสมควรเลย ในส่วนนี้จะพูดถึง 3 อย่าง ได้แก่ Side Missions, Encounters, Collectibles


     Side Missions เป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับ Main Missions อย่างสิ้นเชิง คือสั้นมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นภารกิจเล็กน้อยเช่นเปิดเครื่องส่งสัญญาณที่กลุ่มศัตรูยึดไว้ หรือล่าค่าหัวศัตรูที่อันตราย 
บางภารกิจก็จะแบ่งเป็นตอนๆให้สืบหรือระบุตัวคนบ้าง แต่ดูแล้วทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
Side Missions สามารถหาได้ตามเซฟโซนจุดสำคัญต่างๆของเนื้อเรื่อง หรือสแกนแผนที่





     แต่ที่ทำให้ Side Missions เป็นเรื่องเล็กไปเลย คือพวก Side Activities ที่เหลือ อย่างการเก็บพวก Collectibles หลายประเภทกระจายกันอยู่ทั่วไป ตั้งแต่ มือถือ ข้อมูลจากแล็ปท็อป บันทึกการเอาชีวิตรอดของผู้ประสบภัย ไฟล์จากเจ้าหน้าที่ SHD บันทึกจาก UAV หรือแม้แต่การใช้ Echo สแกนพื้นที่เพื่อจำลองเหตุการณ์ ณ จุดนั้นก็นับเป็น Collectibles เช่นกัน มีอะไรให้ตามหาหลากหลายมากเลย และอาจมีข้อมูลสำคัญที่น่าจดจำด้วย




     แต่ไฮไลท์ของทั้งหมด คือ Side Activities ที่มีชื่อว่า "Encounters" มันคืออีเวนท์ย่อยที่เป็นภารกิจสั้นๆ แต่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจมาก Encounters สามารถหาได้จากการสแกนแผนที่เช่นเดียวกับ Side Missions ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ Medical, Tech, Security แน่นอนว่าเมื่อจบแต่ละอันแล้วเราจะได้รับ Wing Supplies แตกต่างกันตามภารกิจเพื่อจะเอาไปอัพเกรดแต่ละแผนกในฐานปฏิบัติการณ์




     เมื่ออัพเกรดแล้วเราจะสามารถได้รับ Skill หรือ Skill Mods เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เพราะเกมนี้จำเป็นต้องมี Skill เพื่อใช้ในการอยู่รอด ไม่มีไม่ได้เลย



     ถ้าหากใครคุ้นชินกับ Tom Clancy's Series ในยุคหลังทั้งหลายไม่ว่าจะ Sprinter Cell หรือ Ghost Recon แล้ว จะคุ้นชินกับ The Division ได้ง่ายมาก เพราะสไตล์การเล่นหลักๆจะคล้ายกับทั้งสองเกม คือ Third Person Shooter ที่มีการหลบหลังที่กำบังแล้วสู้เป็นหลัก การบังคับก็คล้ายกันมาก






     นอกจากความเป็น Action แล้ว เกมยังเสริมองค์ประกอบของเกม RPG เข้าไป ไม่เพียงแต่การเลือกใส่อุปกรณ์แบบซีรี่ย์ก่อนๆเท่านั้น แต่รวมไปถึงการเพิ่มค่าความสามารถต่างๆ 
ผ่านการเก็บค่าประสบการณ์เพิ่ม Level มีระดับความหายากของอุปกรณ์ ตั้งแต่ Worn (ขาว), Standard (เขียว), Specialize (น้ำเงิน), Superior (ม่วง), High-End (ทอง) การค้นหาอุปกรณ์ที่มีค่า Stats เพิ่มเติม อุปกรณ์ที่มี Talents เป็นความสามารถพิเศษหากค่าความสามารถถึงจุดที่กำหนดไว้ การปรับแต่งปืนที่ Mods แต่ละอย่างจะมีความสามารถแตกต่างกันไป ยังมี Skill กับ Skill Mods อีกด้วย ทำให้เกมดูมีความลึกขึ้นมา (แต่ส่วนภาพลักษณ์ภายนอก สามารถหาเครื่องแต่งกายมาใส่ได้ตามใจชอบ)


     และด้วยความที่มันเป็น RPG นี่แหละ มันถึงมีศัตรูหลากหลาย ตั้งแต่พวกชั้นล่างทั่วไปที่โดนยิงไม่เท่าไหร่ก็ตาย ไปจนถึงพวกขาโหด Elite Enemies ที่ถ้าเลเวลเท่ากับมันหรือน้อยกว่า กว่าจะโค่นได้ก็แทบลากเลือดเหมือนกัน แต่บางตัวก็มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ช่วยได้ เช่นการยิงถังแก๊สที่กลายหลังของพวก Cleaner ทำให้มันวุ่ยวายกับแก๊สรั่วหรือยิงซ้ำจนแก๊สระเบิดได้ก็ดี ภาพรวม Gameplay เรียกได้ว่าทำออกมาโอเคเลยทีเดียว




     ตัวเกมหลักๆจะเป็นแผนที่เดียว ลักษณะแผนที่จะเป็น Open World แต่ละเขตก็จะมีเลเวลที่เหมาะสมกับผู้เล่นกำกับอยู่ซึ่งจะสัมพันธ์กับศัตรูในเขต และเพราะเป็นแผนที่เปิด จึงมี Fast Travel ให้ใช้งาน แต่เกมไม่ได้ MMO ในแบบที่หลายคนคิด เพราะแม้จะสามารถพบเจอผู้เล่นอื่นใน Safe Zones ได้ แต่เมื่อออกไปแล้ว จะมีเฉพาะผู้เล่นคนเดียวหรือคนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันเท่านั้นที่สามารถเล่นด้วยกันได้ ยกเว้นไว้จุดหนึ่ง นั่นคือจุดที่เรียกว่า Dark Zones...





     Dark Zones จะแสดงให้เห็นเป็นพื้นที่สีแดงในแผนที่ คือโซนอันตรายที่มีการติดเชื้อ
ซึ่งไม่มีประชาชนปกติอาศัยอยู่อีกแล้ว เหลือเพียงพวกศาลเตี้ยที่ตั้งตนเป็นใหญ่ในพื้นที่
และเป็นสถานที่ที่แสดงความเป็น MMO เพราะเป็นพื้นที่ที่เหล่า Agent (ผู้เล่น) สามารถพบกันได้นอกเหนือจาก Safe Zones 

     พื้นที่อันตรายเหล่านี้เป็นเหมือนคอนเทนต์ที่แทบแยกออกมาจากโซนปกติราวกับคนละโลก แม้จะมีศัตรูที่เหมือนกับในโซนปกติ อุปกรณ์สวมใส่ของคุณและเลเวลหลักที่จะต้องสัมพันธ์กับเลเวลศัตรูในพื้นที่แล้ว ระบบต่างๆที่มีจะแยกออกจากโซนปกติเกือบทั้งหมด
     Dark Zones มีเลเวลแบบพิเศษที่แยกออกมา เรียกว่า Dark Zones Rank ค่าเงินแลกเปลี่ยนไม่ใช่ Division Credits แต่ใช้ค่าเงินแลกเปลี่ยนเฉพาะที่ชื่อว่า Dark Zones Funds 


     อุปกรณ์ที่หาได้จากพื้นที่นี้ ไม่ว่าจะหาจากศัตรู กล่องอุปกรณ์ที่ถูกทิ้ง จะถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ ไม่สามารถใช้ได้ทันที แต่คุ้มค่าที่จะหา เพราะสามารถหาอุปกรณ์ตั้งแต่ขั้น Specialize ได้ง่ายมากหากคุณมี Dark Zones Rank ถึงที่กำหนด การจะทำให้ใส่อุปกรณ์นั้นได้ คุณต้องเรียกเฮลิคอปเตอร์มารับของไปทำการกำจัดเชื้อปนเปื้อน เมื่อสำเร็จ อุปกรณ์ที่คุณค้นหาได้จะอยู่ใน Player Stash ช่อง Extracted ให้คุณไปเอาเมื่อไหร่ก็ได้ (โปรดจำไว้ว่าสามารถส่งอุปกรณ์ติดเชื้อได้แค่ทีละ 6 ชิ้น และ Player Stash สามารถเก็บอุปกรณ์ปลอดเชื้อได้สูงสุดแค่ 30 ชิ้นเท่านั้น ต้องหมั่นกลับมาจัดการสัมภาระ)


     ของที่ซื้อจาก Dark Zones Vendors แน่นอนว่าดีกว่าโซนปกติ (ขั้นต่ำสุดก็ Specialize ไปจนถึง High-End ก็มี) แต่ต้องใช้ Dark Zones Rank ในการสวมใส่ด้วย 

     อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นเกมนี้ตั้งใจทำ Dark Zones ให้มีความเป็น MMO คือการที่มีศัตรูอยู่เป็นแหล่งทั่วทั้งแผนที่ แต่ทุกคนใช้แผนที่เดียวกันร่วมกัน หากผู้เล่นเยอะมาก ศัตรูก็ไม่เคยพอ บางทีเกมจะกลายเป็น Running Simulator ไปเลย... เป็นอย่างนั้นจริงๆ...

     ซึ่งนำไปสู่ข้อควรระวัง (สำหรับคนชอบความสันติ) ที่ควรรู้อีกอย่างของพื้นที่นี้คือ มันไม่ใช่แค่แผนที่ที่ผู้เล่นสามารถเจอกันในสนามรบ แต่มันเป็นสนามรบที่เป็น Free PK ซะด้วยสิ...



     เมื่อผู้เล่นเจอกัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม แล้วเกิดการ PvP (ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรืออุบัติเหตุอย่างเช่นปาระเบิดใส่ Rogue Agent แต่ Agent โดนไปด้วย) ผู้ที่ฆ่าจะกลายเป็น Rogue Agent (PK)
และนั่นไม่ดีแน่ๆ เพราะเกมจะหมายหัวไว้บนเรดาห์ให้ทุกคนเห็น 
     เรื่องที่แย่ที่สุดคือ ถ้ากลายเป็น Rogue Agent เมื่อไหร่ มีอยู่สามทางคือ หยุดแล้วยอมตาย หนีไปให้ไกลและต้องมั่นใจว่าจะรอด หรือทางตรงกันข้าม... ล่าทุกคนใน Dark Zones ยิ่งถ้าหากเป็น Rogue Agents ทั้งกลุ่มละก็... มีโอกาสล่าล้างถึงขั้นระดับ Manhunt แน่นอน
     แน่นอนว่า หาก Rogue Agents มีจำนวนน้อยก็สามารถต่อสู้สวนกลับได้ แต่หากมาเป็นกลุ่ม คงไม่ดีแน่หากเสียเปรียบ เพราะไม่ว่า Agent หรือ Rogue Agent ตายด้วยเหตุใดก็ตาม ก็จะตกอุปกรณ์ปนเปื้อนที่เก็บรวบรวมมา ตลอดจนอุปกรณ์ที่พกติดตัวบางชิ้นด้วย

     Dark Zones จึงนับเป็นโซนที่อันตรายที่สุด เพราะศัตรูที่แท้จริงไม่ใช่ A.I. เท่านั้น แต่เป็นผู้เล่นที่มีโอกาสกลายเป็น Rogue Agent เมื่อไหร่ก็ได้




     การที่จะรอดชีวิตในเกมนี้ ไม่ใช่แค่เพียงโซนหลักเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง Dark Zones อีกด้วย
ดีที่สุด คือ การที่มีทีมที่เชื่อใจได้ เพราะนอกจากความยากของตัวเกมที่สามารถปรับระดับเป็น Hard Mode ได้แล้ว Dark Zones คือจุดที่คุณจำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมทีม นั่นหมายถึง คุณจะไม่ได้เล่นแค่หลบหลังที่กำบังอย่างเดียวอีกแล้ว แต่ยังต้องทำงานกันเป็นทีมเพื่ออยู่รอด ยิ่งทีมเยอะยิ่งดี เพราะนั่นคือโอกาสที่รักษาชีวิตจากเหตุไม่คาดฝันในนครนิวยอร์คแห่งนี้
     ต้องคิดว่ารวมทีมกัน ใครมี Skill กับ Skill Mod อะไร และทำหน้าที่อะไรบ้าง ช่วยเหลือทีมแล้วรอดกันเป็นทีม หรือจะเดียวดายแล้วตายข้างถนน?

     เกือบลืมบอกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ เกมนี้มีระบบ Voice Chat ในตัว เพราะฉะนั้นสามารถพูดคุยได้ และที่ตลกคือ ต่อให้มีกลุ่มอยู่ คนที่อยู่นอกกลุ่มก็สามารถได้ยินสิ่งที่เราพูดเหมือนกันหากอยู่ใกล้ๆ เพราะฉะนั้น คุณมีโอกาสหากลุ่มได้ง่ายขึ้นหรือแม้แต่เจรจากับกลุ่มอื่น (หรือแม้กระทั่งด่าใส่กัน...) ซึ่งก็ถือว่าเป็นอะไรที่เป็นสีสันและเปิดโลกพอสมควร



     จะว่าไป อาจเพราะเป็น Open Beta เลยโดนจำกัดคอนเทนต์หลายอย่าง ไม่ว่า Talents ผู้เล่น
Intel ที่เป็นข้อมูลของเกม ระบบ Crafting คงต้องรอดูอีกทีว่าเมื่อเปิดเกมแล้วจะเป็นอย่างไร


     สรุปแล้ว Tom Clancy's The Division คือ Open World Action Third Person Shooter ที่พยายามใส่ความเป็น MMORPG เพื่อเพิ่มความลึกของเกมเข้าไป ซึ่งมันก็โอเคในระดับค่อนข้างไปทางดีด้วยความที่เกมเปิดให้เรามีตัวเลือกในสิ่งที่จะทำ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Dark Zones
     แต่เพราะคอนเทนต์ที่ค่อนข้างจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถพูดได้ว่าเกมจะสามารถลงลึดในการเล่น RPG ผสม Teamwork ได้มากแค่ไหน
     และที่สำคัญ เกมนี้ถ้าจะเล่น ต้องเล่นตั้งแต่เกมยังเปิดใหม่ๆ เพื่อที่จะหาทีมที่พึ่งพากันได้ เพราะหัวใจของเกมมันอยู่ตรงนั้นแหละ

     ด้วยการที่จำกัดคอนเทนต์และยังเป็น Open Beta เท่านั้น ขอสงวนการให้คะแนนไว้ก่อน จนกว่าเมื่อเกมเปิดและได้สัมผัสคอนเทนต์ของเกมทั้งหมดจริงๆ เมื่อนั้นแหละถึงจะให้คะแนนได้

+ Dark Zones กับการเล่นเป็นทีม คือประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม (ถ้าทน Running Simulator ได้นะ)

O เกมลงลึกไปที่ Multiplayers เพราะฉะนั้นเหมาะกับการเล่นตั้งแต่เปิดเกมตั้งแต่ในวันแรกๆเลย
O เพราะเป็น RPG ที่อาศัยการแต่งอุปกรณ์ เลยต้องติด Dark Zones อย่างช่วยไม่ได้
O พอจะเห็นเค้าลางความเป็น MMORPG ที่น่าจะโอเคในระดับหนึ่ง 
O กราฟฟิคที่ถูกดาวน์เกรด แต่แลกมาด้วยเกมที่เสถียร

- ถ้าหัวร้อนง่าย ไม่ควรเล่น Dark Zones คนเดียว อันนี้ขอเตือน

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม